fb pixel
Line facebook instagram linkedin

วันอังคาร - อาทิตย์ 10:00 - 19:00
ติดต่อ 064 196 3539

คำถามที่พบบ่อย

ปัญหาผมร่วงเกิดจากสาเหตุอะไร?

ปัญหาผมร่วงเกิดได้จากสาเหตุหลายประการ โดยเฉพาะโรคผมร่วงที่เกิดจากกรรมพันธุ์เพศชาย (Androgenetic Alopecia หรือ AGA) ซึ่งเกิดขึ้นได้ทั้งในผู้ชายและผู้หญิงอายุ 25-65ปี และมีอุบัติการณ์สูงถึงร้อยละ 38.5 โดยในคนไทยส่วนใหญ่มักพบอาการแสดงเช่น ผมร่วง หน้าผากกว้าง ผมบางบริเวณกระหม่อมศีรษะ และผมบางบริเวณกลางศีรษะ
AGA เกิดจากปัจจัยแวดล้อมร่วมกับกรรมพันธุ์ของยีนที่สืบทอดมาจากบิดาและมารดา บ่อยครั้งมักพบว่าสมาชิกในครอบครัวท่านอื่น ๆ ก็พบปัญหาลักษณะคล้ายคลึงกัน ส่งผลให้ระดับค่าฮอร์โมนไดไฮโดรเทสโทสเตอโรน (Dihydrotestosterone (DHT)) สูง ซึ่งฮอร์โมนตัวดังกล่าว เป็นฮอร์โมนที่เกี่ยวข้องกับการสูญเสียเส้นผม ทำให้เส้นผมที่งอกออกมานั้นมีขนาดเล็กลง และบางลงเรื่อย ๆ จนสุดท้ายก็หลุดร่วงหายไปใน (Miniaturisation) บริเวณที่ได้รับผลกระทบ ได้แก่ หน้าผาก ขมับทั้งสองข้าง และบริเวณกลางศีรษะ หากไม่ได้รับการรักษาอย่างถูกต้องแล้ว การร่วงของเส้นผมจะดำเนินต่อไปเรื่อย ๆ จนทำให้เกิดปัญหาศีรษะล้าน และสูญเสียความมั่นใจ
นอกจากโรคผมร่วงทางกรรมพันธุ์เพศชาย ยังมีสาเหตุของผมร่วง ผมบาง อีกหลายสิบโรค ซึ่งการวินิจฉัยแยกโรค ตรวจทางห้องปฏิบัติการ และดำเนินการรักษาที่ถูกต้องควรดำเนินการโดยแพทย์เฉพาะทางเท่านั้น

เราดีไซน์แนวผมอย่างไร?

การออกแบบแนวผมเป็นการผสมผสานศาสตร์ของความงามและศิลปะ แพทย์ของเราจึงให้ความสำคัญในการออกแบบแนวผมให้เหมาะสมกับแต่ละบุคคลมากเป็นพิเศษ โดยคำนึงถึง อายุ โครงหน้า และความคาดหวังของผู้รับการรักษา คลินิกรักษาผมร่วงของเราพร้อมจะร่วมออกแบบแนวผมในฝันของคุณ เพื่อเรียกคืนความอ่อนเยาว์ เสริมความมั่นใจ และปรับภาพลักษณ์ให้ดีขึ้น อย่างไรก็ตาม การออกแบบแนวผมอาจมีข้อจำกัดบางประการ ดังนั้นผู้รับการรักษาจึงควรวางแผนและปรึกษาแพทย์ก่อน

มีผมร่วงทุกวันเป็นประจำตอนอาบน้ำ สระผม และหวีผม เป็นเรื่องที่ปกติหรือไม่?

ธรรมชาติของคนเราจะมีเส้นผมบนหนังศีรษะโดยเฉลี่ยมากกว่า 100,000 เส้น โดยจะหมุนเวียนเป็นวัฏจักรตั้งแต่ผมงอกออกมาจนถึงระยะที่เส้นผมหมดอายุขัย ซึ่งในระหว่างวงจรที่กล่าวมานี้ จะมีเส้นที่เข้าสู่ระยะเสื่อมสภาพและหลุดร่วงทุกวัน ประมาณวันละ 100-150 เส้น ในคนปกตินั้นเส้นผมที่สูญเสียไปเหล่านี้ส่วนใหญ่จะงอกกลับมาใหม่ภายในระยะเวลา 3-4 เดือน ซึ่งกระบวนการที่พบนี้ เป็นเรื่องปกติและเกิดขึ้นในคนทั่วไป ไม่ถือเป็นอาการที่น่ากังวล
อย่างไรก็ตาม หากคุณพบว่าความหนาของเส้นผมที่เคยมีบางลงอย่างเห็นได้ชัด หรือพบว่าเส้นผมที่หลุดร่วงมีจำนวนมากกว่า 200 เส้นต่อวัน ควรเข้ามาปรึกษาและตรวจอาการที่คลินิกรักษาผมบาง Bangkok Hair Clinic เพื่อให้ทราบสาเหตุที่แท้จริง และป้องกันไม่ให้ปัญหาผมร่วงทวีความรุนแรงจนทำให้คุณเกิดความรู้สึกไม่มั่นใจ

เทคนิคการปลูกผมแบบ FUT กับ FUE ต่างกันอย่างไร?

ทั้งเทคนิค FUT และ FUE คือกระบวนการปลูกผมที่เป็นการย้ายเซลล์รากผมจากบริเวณผมถาวรที่ด้านหลังของศีรษะ (Donor Area) มาเพื่อใช้ในการผ่าตัดปลูกผมในบริเวณที่เกิดปัญหา/ต้องการ (Recipient Area)
Follicular Unit Transplantation (FUT) หรือ “Strip Surgery” เป็นกรรมวิธีการปลูกผมที่ถูกคิดค้นและใช้อย่างแพร่หลายมาเป็นระยะเวลายาวนาน ซึ่งเป็นการผ่าตัดนำผิวหนังส่วนหนึ่งของหนังศีรษะบริเวณ Donor Area ที่มีเส้นผมและรากที่แข็งแรงอยู่ออกมา และไปทำการแบ่งกอผมเพื่อนำไปปลูกถ่ายลงในบริเวณ Recipient Area ทำให้เส้นผมที่โตในบริเวณที่กังวลแข็งแรง ไม่อ่อนไหวต่อการหลุดร่วง จึงเป็นวิธีที่ให้ผลลัพธ์ที่เรียกได้ว่าถาวร เนื่องจากมีการผ่าตัดชิ้นผิวหนังออกจากศีรษะ เทคนิค FUT จึงต้องมีการเย็บผิวหนังที่อาจทำให้เกิดรอยแผลเป็นในแนวนอนขนาดเล็กได้ แต่แผลเป็นนี้ สามารถซ่อนด้วยผมที่ยาวออกมาได้ในอนาคต
Follicular Unit Excision (FUE) เป็นวิธีการปลูกผมที่พัฒนามาใหม่และได้ใช้อย่างแพร่หลายในปัจจุบันเพราะได้ผลลัพธ์ดี รวดเร็ว และไม่ต้องมีการผ่าตัด กระบวนการทำ FUE จะคล้ายกับ FUT แต่เปลี่ยนขั้นตอนการเก็บกราฟเป็นการเจาะนำเซลล์รากผมที่แข็งแรงออกมาทีละเซลล์จากบริเวณ Donor Area จากนั้น ทีมแพทย์จะคัดเซลล์รากผมที่สมบูรณ์ไปปลูกยังบริเวณที่ต้องการ โดยแผลที่เกิดขึ้นจะมีขนาดเล็กเพียง 0.6 – 0.8 มม. หายสนิทในอาทิตย์แรก และไม่จำเป็นต้องเย็บแผล หลังจากการปลูก 3-6 เดือนผมด้านหลังศีรษะจะยาวออกมาปิดคลุมพื้นที่ให้เต็มเหมือนเดิม จึงเป็นขั้นตอนที่ผู้รับการรักษาส่วนมากเลือกใช้
Bangkok Hair Clinic เชี่ยวชาญในการปลูกผม FUT และ FUE ที่พร้อมดูแลผู้เข้ารับการรักษาทุกขั้นตอนอย่างใกล้ชิด โดยแพทย์ผู้มีความชำนาญเฉพาะทาง ทั้งยังได้รับการรีวิวที่ยืนยันถึงความพึงพอใจจากผู้ที่เคยเข้ารับการบริการปลูกผมถาวรมาก่อน

ปากกาย้ายรากผม (Implanter) และ Direct Hair Implantation (DHI) คืออะไร?

ปากกาย้ายรากผม หรือ Implanter Pens เป็นเครื่องมือพิเศษที่ถูกออกแบบมาโดยเฉพาะสำหรับขั้นตอนการปลูกถ่ายรากผมใหม่ (Implantation) ซึ่งเป็นขั้นตอนสุดท้ายของการปลูกผมถาวร FUE และ FUT หลังจากนำกราฟเส้นผมออกมาเรียบร้อยแล้ว กราฟจะถูกสอดเข้าไปในปลายปากกาที่ดีไซน์มาเป็นพิเศษ และเคลื่อนย้ายลงปลูกในผิวหนังโดยตรง ซึ่งกระบวนการนี้ บางครั้งได้ถูกเรียกว่าการปลูกผมโดยตรง (DHI)
การทำงานของ Implanter ช่วยเพิ่มอัตราการรอดของเซลล์รากผมได้มากขึ้นกว่า 10-15% เมื่อเทียบกับการปลูกผม FUE ทั่วไป เพราะเครื่องมือชนิดพิเศษนี้ลดการบอบช้ำของเซลล์รากผม (Mechanical Trauma) ที่เกิดขึ้นระหว่างการเคลื่อนย้าย หนีบ และปลูกโดยคีมหนีบทางการแพทย์ (Forceps) ที่ใช้ในการปลูกผมทั่วไป นอกจากนั้น ปากกา Implanter ยังเป็นเครื่องมือมีขนาดที่เล็กและถูกออกแบบมาสำหรับทำหน้าที่ปลูกกราฟรากผมโดยเฉพาะ จึงมีขนาดที่พอเหมาะ ไม่หลวม ไม่แน่นจนเกินไป รากผมที่ปลูกจึงสมบูรณ์ และปลูกได้ถี่แน่นหนา

กรรมวิธีเพิ่มอัตราการรอดของเซลล์รากผม “First out, First in” คืออะไร?

หนึ่งในปัจจัยสำคัญที่สุดในกระบวนการปลูกผมคือระยะเวลาที่ใช้ระหว่างการเคลื่อนย้ายเซลล์รากผมจากบริเวณหลังศีรษะ (Donor Area) ไปยังพื้นที่ๆต้องการ (Recipient Area) เพราะหากยิ่งลดเวลาในการปล่อยให้เซลล์รากผมอยู่นอกร่างกายลงได้มากเท่าใด อัตราการอยู่รอดของเซลล์รากผมยิ่งมากขึ้นเท่านั้น (Minimal out-of-body time)
ที่ Bangkok Hair Clinic เรามีกรรมวิธีเฉพาะจากแพทย์เฉพาะทางที่ฝึกฝนมาโดยตรง โดยเราพัฒนาภาชนะสำหรับเรียงลำดับกราฟโดยเฉพาะ เพื่อให้มั่นใจได้ว่า กราฟรากผมที่ถูกนำออกจากหนังศีรษะก่อน จะถูกปลูกกลับลงก่อนเช่นกัน ดังนั้นระยะเวลาที่กราฟเหล่านั้นอยู่นอกร่างกายจึงสั้นมาก นอกจากนี้ เรายังใช้น้ำยาแช่กราฟชนิดพิเศษที่นำเข้าจากต่างประเทศ เพื่อให้กราฟอยู่ในสารน้ำที่คล้ายกับการอยู่ในร่างกาย กราฟเส้นผมจึงยังคงความสมบูรณ์ก่อนนำกลับไปปลูก คุณจึงมั่นใจได้ว่าการปลูกผมกับ Bangkok Hair Clinic จะมีประสิทธิภาพที่เหนือกว่าการปลูกผมที่อื่นอย่างแน่นอน

การปลูกผมถาวรเทคนิค FUT, FUE, DHI เหมาะสำหรับทุกคนไหม ?

ดยทั่วไปแล้วการเข้ารับการผ่าตัดปลูกผมถาวรด้วยเทคนิคดังกล่าว สามารถทำได้ในคนทั่วไปที่มีสุขภาพโดยรวมดี ในทุกช่วงวัย ไม่ว่าจะเป็นเพศชายหรือเพศหญิง แต่ผู้รับการรักษาควรเข้าใจว่าการปลูกผมถาวรไม่ได้เหมาะสำหรับทุกลักษณะผมบางหรือโรคเส้นผม แพทย์ของเราที่ Bangkok Hair Clinic จึงยินดีให้คำปรึกษา ตรวจสอบหนังศีรษะ วิเคราะห์ และวินิจฉัยปัญหาของคุณอย่างละเอียด โดยไม่คิดค่าใช้จ่าย เพื่อวางแนวทางการรักษาที่ถูกต้อง และให้ได้ผลลัพธ์ที่มีประสิทธิภาพกับคุณ
โดยคุณสามารถเข้ามารับการปรึกษาฟรี รับการตรวจวินิจฉัยและรับข้อมูลที่จะช่วยทำให้คุณเข้าใจแนวทางการรักษา เพื่อให้มั่นใจก่อนที่จะตัดสินใจปลูกผมกับเรา

ฉันสามารถออกแบบแนวผมของตัวเองได้หรือไม่?

ที่ Bangkok Hair Clinic แพทย์และทีมงานทุกคนตั้งใจมอบผลการรักษาที่เหมาะสมให้ผู้รับการรักษาทุกท่าน ซึ่งศัลยแพทย์ของเรามีประสบการณ์การออกแบบแนวผมให้เหมาะกับอายุ เชื้อชาติ และเพศมานานกว่า 10 ปี นอกจากนี้ ยังมีความรู้ความเข้าใจในธรรมชาติของเส้นผม จึงให้ความสำคัญกับการรักษาที่ต้องคำนึงถึงหลายปัจจัย ควบคู่ไปกับการจัดวางแนวผมให้ไปในทิศทางเดียวกันกับแนวผมเก่า เพื่อให้เห็นความเปลี่ยนแปลงในทางที่ดีขึ้น

การปลูกผมเจ็บไหม?

หนึ่งในคำถามที่ถูกถามบ่อยมากที่สุด คำตอบคือเจ็บน้อยมาก เพราะเราได้คิดค้นเทคนิคการฉีดยาชาที่เบา รวดเร็ว และเจ็บน้อยในกระบวนการปลูกผม รวมถึงการทำงานอย่างระมัดระวัง เพื่อไม่ให้เกิดความบอบช้ำหรืออาการเจ็บปวดโดยไม่จำเป็นกับคนไข้
เราต้องการให้ผู้รับการรักษาทุกคนรู้สึกผ่อนคลาย ไม่เครียด ไร้กังวล ตลอดช่วงเวลาก่อนและหลังการปลูก เพราะเราเชื่อว่าการรักษาผมร่วงสามารถเปลี่ยนชีวิตคุณได้โดยไม่จำเป็นต้องแลกมาด้วยความเจ็บปวดเสมอไป

ผมที่ได้จากการปลูกจะมีความหนาขนาดไหน?

Bangkok Hair Clinic ประเมินความหนาแน่นของผมอยู่ที่ 40-50 กราฟต่อตารางเซนติเมตร เนื่องจากเราใช้เทคนิค Micrograft ในทุกเคส
ระหว่างการปรึกษา แพทย์จะประเมินบริเวณหลังศีรษะเพื่อคำนวณจำนวนเส้นผมที่สามารถนำไปปลูกได้ โดยไม่นำเซลล์รากผมออกเยอะเกินจนทำให้บริเวณหลังศีรษะบาง (Over harvesting) ในคนไข้ที่มีลักษณะผมบางเป็นบริเวณกว้าง หรือเส้นผมบริเวณท้ายทอยบาง (Donor depletion) แพทย์อาจประเมินการรักษาด้วยความแน่นหนาที่ต่ำลง เพื่อให้การรักษามีประสิทธิภาพและเหมาะสม

เส้นผมที่ปลูกไปจะสามารถอยู่ได้นานแค่ไหน?

เส้นผมที่ย้ายมาจากการปลูก จะยังคงเติบโตตามธรรมชาติเหมือนเส้นผมปกติ เนื่องจากเป็นการย้ายเซลล์รากผมจากบริเวณผมถาวร (Permanent Zone) จากด้านหลังและด้านข้างของศีรษะ ซึ่งผมบริเวณดังกล่าวนี้จะไม่ได้รับผลกระทบจากฮอร์โมนไดไฮโดรเทสโทสเตอโรน (DHT) ซึ่งเป็นสาเหตุของการผมร่วงตามกรรมพันธุ์เพศชายที่ทำให้ผมร่วงได้

เราสามารถใช้เซลล์รากผมจากบุคคลอื่นในการรักษาได้หรือไม่ ?

การรักษาสามารถทำได้โดยอาศัยเซลล์รากผมของตนเองเท่านั้น เนื่องจากกลไกการต่อต้านของร่างกาย จะมีการปฏิเสธเซลล์รากผมของบุคคลอื่น เช่นเดียวกับการปลูกถ่ายอวัยวะอื่น ๆ เช่น หัวใจ ไต อย่างไรก็ตาม คุณสามารถที่จะนำเซลล์จากบริเวณที่มีเส้นผมหรือขนจากส่วนอื่น ๆ ของร่างกายมาใช้ตามส่วนต่าง ๆ บนร่างกายได้

การปลูกผมด้วยเทคนิค FUT, FUE, DHI ก่อให้เกิดแผลเป็นจากการผ่าตัดหรือไม่ ?

หนึ่งในสิ่งที่สมาคมแพทย์ปลูกผมนานาชาติต้องการแจ้งให้ผู้สนใจเข้ารับการปลูกผมว่า “การปลูกผมไร้แผลเป็นนั้นไม่มีอยู่จริง” ไม่ว่าจะด้วยเทคนิคใดก็ตาม รอยแผลเป็นที่เกิดจากการผ่าตัดนั้น เป็นสิ่งที่หลีกเลี่ยงไม่ได้ แต่สามารถที่จะซ่อน หรือลดจำนวนได้ ดังนั้นที่ Bangkok Hair Clinic เราจึงใส่ใจและเข้าใจความรู้สึกของผู้รับการรักษาที่ต้องการให้มีแผลเป็นน้อย เราจึงพิถีพิถันและใช้เทคนิคที่ฝึกฝนมาอย่างชำนาญเพื่อช่วยคุณอำพรางรอยแผล ให้คุณรู้สึกมั่นใจและไม่ต้องกังวลเรื่องแผลที่เกิดขึ้น

ฉันต้องเข้ารับการรักษากี่ครั้ง ใช้เวลานานเท่าไหร่ ?

จำนวนครั้งของการรักษาขึ้นอยู่กับระดับความรุนแรงของอาการผมบาง ขนาดพื้นที่ที่กังวล ความหนาแน่นที่จะทำการปลูก และการพิจารณาของแพทย์ โดยปกติแล้วการผ่าตัดในหนึ่งรอบสามารถปลูกถ่ายเซลล์รากผมได้อย่างปลอดภัยอยู่ที่ประมาณ 2,500-3,500 ในแต่ละเคส แพทย์จะประเมินว่าต่อหนึ่งรอบจำนวนเซลล์ที่ย้ายไม่ควรเกินปริมาณใด เพื่อที่จะไม่ให้เกิดการบางของบริเวณหลังศีรษะ (Donor Area) ซึ่งหากพบว่าผู้ป่วยควรได้รับการปลูกถ่ายเซลล์รากผมเกินกว่าที่บริเวณท้ายทอยของผู้รับการรักษาจะมีพอ แพทย์จะแนะนำให้แบ่งการปลูกออกเป็นสองรอบ แต่ละรอบห่างกันอย่างน้อยหนึ่งปี เพื่อให้หนังศีรษะได้รับการฟื้นฟูอย่างเต็มที่และพร้อมสำหรับการปลูกรอบที่สอง โดยการรักษาครั้งหนึ่งใช้เวลาประมาณ 6-8 ชั่วโมง ขึ้นอยู่กับความยากง่ายของเคส

การรักษาผมร่วงมีความเสี่ยงและอาการแทรกซ้อนใดบ้าง ?

การปลูกผมด้วยเทคนิค FUT, FUE, DHI เป็นหัตถการที่มีความเสี่ยงในการเกิดภาวะแทรกซ้อนน้อยมาก โดยเฉพาะเมื่อเข้ารับการรักษากับแพทย์ที่มีประสบการณ์สูง อย่างไรก็ตาม ผู้รับการรักษาควรศึกษา ปรึกษา และรับข้อมูลเกี่ยวกับความเสี่ยงที่เกิดขึ้นได้จากการปลูกผมก่อนตัดสินใจรับบริการ
อาการแทรกซ้อนที่เกิดขึ้นได้ในการศัลยกรรมปลูกผม ได้แก่

  • อาการบวมที่หน้าผากและบริเวณใบหน้า เป็นอาการที่พบได้บ่อยภายใน 24 ชั่วโมงหลังการผ่าตัด จนถึง 1 สัปดาห์หลังการผ่าตัด เกิดจากการฉีดสารน้ำเกลือเข้าสู่บริเวณที่ทำการเก็บกราฟหรือปลูกกราฟเพื่อให้แพทย์สามารถทำหัตถการได้ ซึ่งสารน้ำจะถูกดูดซึมกลับเข้าสู่ร่างกาย และลดอาการบวมจนหายไป ในช่วงสัปดาห์แรก เราจะมีผ้าคาดผมให้ใส่เพื่อไม่ให้สารน้ำไหลลงมาบริเวณตา
  • การแพ้ยาชา สารน้ำ หรือยาอื่น ๆ สามารถเกิดขึ้นได้ โดยทางคลินิกจะมีการสอบประวัติการแพ้โดยละเอียดเพื่อลดความเสี่ยงที่จะเกิดอาการแทรกซ้อนจากการใช้ยา ผู้รับบริการต้องแจ้งประวัติให้ครบถ้วน เพื่อความปลอดภัย
  • อาการชาในบริเวณหลังศีรษะหรือบริเวณที่ปลูก สามารถเกิดขึ้นได้จากช่วง 1 อาทิตย์แรกจนถึง 6 เดือนแรก ซึ่งโดยปกติแล้วอาการจะค่อย ๆ หายไปเองโดยไม่ต้องทำการรักษาใด ๆ
  • เนื่องจากการปลูกผมเป็นหัตถการที่ต้องเจาะผิวหนัง การติดเชื้อ (<1%) เลือดออก สามารถเกิดขึ้นได้หลังจากการปลูกผม ทางคลินิกแนะนำให้รับประทานยาอย่างเคร่งครัด และปฏิบัติตัวตามที่แพทย์แจ้งเพื่อป้องกันไม่ให้เกิดอาการเหล่านี้

แพทย์เฉพาะทางของ Bangkok Hair Clinic ได้มีการจัดทำคู่มือคำแนะนำเกี่ยวกับวิธีการดูแลตัวเองก่อนและหลังการรักษาสำหรับผู้รับบริการทุกคน เพื่อให้สามารถเตรียมตัวและดูแลตนเองหลังการรักษาได้อย่างมั่นใจ

FUE และ DHI แตกต่างกันอย่างไร?

ความแตกต่างคือการเลือกใช้เครื่องมือในการปักรากผม (กราฟ) บนหนังศีรษะ ซึ่งเป็นกระบวนการหนึ่งในการปลูกผมด้วยวิธีการ FUE
สำหรับการปลูกผมด้วยวิธีการ FUE แพทย์สามารถเลือกใช้คีมคีบ Forcep หรือ Implanters (DHI) ในกระบวนการปักรากผม ถึงแม้ว่าคีมคีบจะเป็นเครื่องมือที่ได้รับความนิยมมากสำหรับการปักรากผม แต่Implanters เป็นเครื่องมือที่ได้รับการพัฒนาเพื่อช่วยลดความบอบช้ำของรากผมระหว่างกระบวนการปักรากผม ทั้งนี้ มีการศึกษามากมายที่ยืนยันว่าการใช้เครื่องมือ Implanters สามารถเพิ่มอัตราการอยู่รอดของรากผม ลดระยะเวลาการผ่าตัด และทำให้ได้เส้นผมที่ดูหนาแน่นมากกว่า

เส้นผมจะขึ้นเมื่อใดหลังการรักษา ?

ภายใน 24 ชั่วโมงหลังจากการรักษา คนไข้จะเริ่มสังเกตเห็นการตกสะเก็ดของหนังศีรษะในบริเวณที่ปลูกผม ซึ่งเป็นกระบวนการรักษาแผลบนผิวหนังตามธรรมชาติของร่างกาย สะเก็ดเหล่านี้จะค่อย ๆ หลุดลอกไปในช่วง 4-14 วันหลังจากการปลูกผม รากผมที่ปลูกไปจะยึดติดแน่นบนหนังศีรษะในช่วง 2 สัปดาห์แรกหลังจากการปลูก จากนั้น เส้นผมจะเริ่มผลัดและหลุดร่วงในช่วงสัปดาห์ที่ 4 หลังจากการปลูก และเส้นผมใหม่จะค่อย ๆ งอกขึ้นตามลำดับในช่วงสัปดาห์ที่ 10-16 และเส้นผมที่ปลูกใหม่แต่ละเส้นนี้จะเจริญเติบโตตามวงจรชีวิตของเส้นผมต่อไป

สอบถามข้อมูลเพิ่มเติม

หากท่านไม่พบคำถามที่ท่านตามหาอยู่ โปรดสอบถามเราผ่านช่องทางด้านล่างนี้
ติดต่อ
lineline messagemessage callcall