fb pixel
Line facebook instagram linkedin

วันอังคาร - อาทิตย์ 10:00 - 19:00
ติดต่อ 064 196 3539

หาคำตอบ! ปลูกผม PRP กับ Stem Cell แบบไหนดีกว่ากัน

สำหรับผู้ที่กำลังลังเลอยู่ว่าจะเลือกปลูกผมแบบไหนดีระหว่าง PRP กับ Stem Cell บทความนี้จะมาเปรียบเทียบข้อดีข้อเสียให้เห็นกันแบบชัด ๆ ติดตามได้เลย

ปัญหาผมร่วง ผมบาง เป็นปัญหาที่พบได้บ่อยทั้งในเพศชายและเพศหญิง โดยสาเหตุของผมร่วงสามารถเกิดได้จากหลายปัจจัย เช่น กรรมพันธุ์ ฮอร์โมน โรคบางชนิด หรือการใช้ยาบางชนิด อย่างไรก็ตาม สำหรับผู้ที่ประสบกับปัญหานี้ไม่ต้องกังวลใจจนเกินไป เนื่องจากในปัจจุบัน ด้วยความก้าวหน้าทางเทคโนโลยี ทำให้การรักษาปัญหาผมร่วงผมบางถูกพัฒนาขึ้นจนให้ผลลัพธ์ที่ดีเยี่ยม โดยในบทความนี้จะขอหยิบยก 2 วิธีที่เห็นผลชัดเจนอย่างการปลูกผมด้วยวิธี PRP กับ Stem Cell มาเปรียบเทียบกัน เพื่อหาคำตอบว่าวิธีไหนจะตอบโจทย์กับคุณมากที่สุด

การปลูกผมแบบ PRP คืออะไร?

การปลูกผมแบบ PRP (Platelet-Rich Plasma) คือทางเลือกใหม่สำหรับผู้ที่มีปัญหาผมร่วงผมบาง โดยเป็นการฉีดเกล็ดเลือดเข้มข้น (PRP) ที่ได้จากเลือดของผู้เข้ารับการรักษาเข้าไปยังบริเวณหนังศีรษะที่มีปัญหา โดยเกล็ดเลือดเข้มข้นนี้จะไปกระตุ้นเซลล์รากผมให้แข็งแรงและเติบโตขึ้น ส่งผลให้ผมงอกใหม่และดูหนาขึ้น

การปลูกผมแบบ PRP มีข้อดีหลายประการ ดังนี้

  • เป็นการรักษาแบบธรรมชาติ ไม่ใช้สารเคมีหรือการผ่าตัด
  • ใช้เวลาพักฟื้นน้อย เพียง 1-2 วัน
  • มีความเสี่ยงน้อยต่อการเกิดผลข้างเคียง
  • สามารถทำได้ซ้ำหลายครั้ง

ขั้นตอนการปลูกผมแบบ PRP

  1. แพทย์จะทำการเจาะเลือดของผู้เข้ารับการรักษา
  2. นำเลือดไปปั่นแยกเกล็ดเลือดเข้มข้น
  3. ฉีดเกล็ดเลือดเข้มข้นเข้าไปที่หนังศีรษะบริเวณที่มีปัญหาผมร่วงบาง

การปลูกผมแบบ Stem Cell คืออะไร?

หลายคนอาจคิดว่าการปลูกผมแบบ PRP คือนวัตกรรมทางการแพทย์ที่ทันสมัยแล้ว แต่สำหรับการปลูกผมแบบ Stem Cell กลับล้ำกว่านั้นไปอีกขั้น เนื่องจากเป็นเทคโนโลยีใหม่ล่าสุดในการรักษาผมร่วงผมบาง โดยเป็นการฉีดเซลล์ต้นกำเนิด (Stem Cell) ที่ได้จากรากผมของผู้เข้ารับการรักษาเข้าไปยังหนังศีรษะในส่วนที่มีปัญหา และเมื่อเข้าสู่ร่างกาย เซลล์ต้นกำเนิดจะไปกระตุ้นเซลล์รากผมให้กลับมามีประสิทธิภาพ นำไปสู่ผลลัพธ์ผมดกดำเช่นเดิม

การปลูกผมแบบ Stem Cell มีข้อดีหลายประการ ดังนี้

  • รักษาผมร่วงผมบางที่เกิดจากสาเหตุกรรมพันธุ์ได้
  • ได้ผลลัพธ์ที่ยั่งยืน
  • มีความเสี่ยงน้อยต่อการเกิดผลข้างเคียง

ขั้นตอนการปลูกผมแบบ Stem Cell โดยทั่วไปมีดังนี้

  1. แพทย์จะทำการเจาะรากผมของผู้เข้ารับการรักษา
  2. นำรากผมไปสกัดเซลล์ต้นกำเนิด
  3. ฉีดเซลล์ต้นกำเนิดเข้าไปที่หนังศีรษะบริเวณที่มีปัญหา
ปลูกผม Stem Cell มีข้อดีอย่างไรบ้าง เหมาะกับใคร

เปรียบเทียบการปลูกผม PRP VS Stem Cell

การปลูกผมแบบ PRP กับ Stem Cell มีหนึ่งข้อดีที่เหมือนกัน นั่นก็คือทั้ง 2 วิธีต่างก็ใช้สิ่งที่อยู่ในร่างกายของเรามาใช้ในการรักษา ไม่ใช่การฉีดสารเคมี หรือผ่าตัด ดังนั้นจึงมีความปลอดภัยสูง มีความเสี่ยงต่อการเกิดผลข้างเคียงน้อย และใช้เวลาในการพักฟื้นไม่นาน เพียง 1-2 วันเท่านั้น

นอกจากนั้น หากปัญหาผมร่วงมีสาเหตุมาจากกรรมพันธุ์ การรักษาด้วยวิธี Stem Cell ย่อมมีข้อดีมากกว่า เนื่องจากการปลูกผมแบบ PRP ไม่สามารถรักษาผมร่วงผมบางที่เกิดจากสาเหตุกรรมพันธุ์ได้ 100% แต่ในส่วนของค่าใช้จ่าย การรักษาด้วยวิธี PRP มีข้อดีคือเป็นมิตรกับเงินในกระเป๋ามากกว่าพอสมควร เนื่องจากการปลูกผม Stem Cell เป็นเทคโนโลยีใหม่ล่าสุด ค่าใช้จ่ายในการรักษาจึงค่อนข้างสูง แต่ก็แลกมาด้วยผลลัพธ์การรักษาที่ยั่งยืนกว่า

รักษาอาการผมร่วงด้วย Hair Stem Cell ที่ Bangkok Hair Clinic

เมื่อได้ทราบแล้วว่าการปลูกผม PRP กับ Stem Cell คืออะไร มีความแตกต่างกันอย่างไร และแบบไหนเหมาะกับใคร ซึ่งสำหรับผู้ที่สนใจเข้ารับการรักษาด้วย Hair Stem Cell ในราคาคุ้มค่า และได้มาตรฐานความปลอดภัย สามารถมาปรึกษากับแพทย์ผู้เชี่ยวชาญเกี่ยวกับบริการ Cell Plus Therapy ของเราได้ที่ Bangkok Hair Clinic คลินิกปลูกผมและรักษาผมบางระดับพรีเมียม ที่พร้อมให้บริการและวางแผนการรักษาอย่างมืออาชีพ ด้วยเครื่องมือและเทคโนโลยีอันทันสมัยครบครัน สามารถติดต่อได้ทาง Line: @bangkokhairclinic (มี @ ด้วย) หรือโทร. 02 118 7386, 064 196 3539 หรือส่งอีเมลมาที่ bangkokhairclinic@gmail.com

แหล่งอ้างอิงข้อมูล

https://pubmed.ncbi.nlm.nih.gov/31111157/
https://www.olivaclinic.com/blog/prp-vs-stem-cell-therapy-mesotherapy-which-is-better/
https://newportspinemd.com/prp-therapy-vs-stem-cell-therapy-whats-difference/
https://academic.oup.com/asj/article/40/4/NP177/5492510

lineline messagemessage callcall