
ผมเสียจากการทำสีแก้ยังไงให้กลับมานุ่มสวย ไม่ชี้ฟู ?
การทำสีผมถือเป็นหนึ่งในวิธีที่หลายคนเลือกใช้เพื่อปรับเปลี่ยนลุค เสริมบุคลิกภาพ หรือแม้แต่เพิ่มความมั่นใจในการใช้ชีวิตประจำวัน แต่อย่างไรก็ตาม ความสวยงามที่ได้อาจทำให้หลายคนต้องพบกับปัญหาผมเสียจากการทำสีอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ ทำให้หลาย ๆ ครั้งผู้ที่ทำสีผมมักต้องเผชิญกับปัญหาผมแห้งเสีย แตกปลาย ไร้น้ำหนัก หรือแม้กระทั่งเส้นผมขาดหลุดร่วงโดยที่อาจไม่ทันได้ตระหนักว่าต้นเหตุหลักมาจากกระบวนการทำสีที่ส่งผลโดยตรงต่อโครงสร้างของเส้นผม
ในบทความนี้เราจะพาคุณไปรู้จักกับปัจจัยต่าง ๆ ที่ทำให้ผมเสียจากการทำสี และไปรู้ถึงวิธีว่าควรแก้ยังไง พร้อมเคล็ดลับการดูแล ป้องกัน เพื่อฟื้นฟูผมเสียอย่างมีประสิทธิภาพ
หนึ่งในปัจจัยสำคัญที่ทำให้ผมเสียจากการทำสี คือสารเคมีที่อยู่ในน้ำยาย้อมสีผม เช่น แอมโมเนีย (Ammonia) ที่มีคุณสมบัติในการกัดกร่อนชั้นโปรตีนของเส้นผม เพื่อให้สีย้อมผมสามารถซึมเข้าไปได้ รวมถึงไฮโดรเจนเปอร์ออกไซด์ (Hydrogen Peroxide) และสารฟอกสี (Bleaching Agent ) ที่ทำหน้าที่ลดเม็ดสีผมตามธรรมชาติลง เพื่อเตรียมพร้อมให้สีใหม่สามารถติดบนเส้นผมได้ง่ายขึ้น กระบวนการเหล่านี้ส่งผลให้เกล็ดผมถูกทำลาย สูญเสียความชุ่มชื้นตามธรรมชาติ ทำให้ผมแห้ง เปราะบาง แตกปลาย และสูญเสียความเงางามในที่สุด
ในกระบวนการย้อมหรือกัดสีผมหลายครั้ง ช่างทำผมอาจใช้ความร้อน เช่น เครื่องอบไอน้ำ เครื่องอบความร้อน หรือไดร์เป่าผม เพื่อช่วยให้สีย้อมติดได้เร็วและชัดเจนขึ้น แต่หากใช้ความร้อนที่สูงเกินไป สามารถไปทำลายโครงสร้างเส้นผมได้โดยตรง เนื่องจากความร้อนจะทำให้เส้นผมสูญเสียความชุ่มชื้นตามธรรมชาติ จึงทำให้ผมแห้งเสียและเปราะขาดได้ง่ายขึ้น
แม้ว่าการทำสีผมจะช่วยเสริมความมั่นใจให้หลายคน แต่การทำสีผมบ่อยครั้งเกินไปจะส่งผลเสียต่อเส้นผมในระยะยาว เนื่องจากเส้นผมไม่ได้มีโอกาสพักฟื้นจากการถูกทำลายซ้ำ ๆ ทำให้สภาพผมแย่ลงเรื่อย ๆ นำไปสู่ปัญหาผมบาง เส้นผมขาดหลุดร่วง อีกทั้งการฟื้นฟูให้กลับมาสวยสุขภาพดีก็จะยากมากขึ้นตามไปด้วย
ปัญหาผมเสียจากการทำสีจะทวีคูณขึ้น ถ้าหลังจากการทำสีผมแล้วละเลยการบำรุงดูแลเส้นผมไป โดยเฉพาะคนที่ยังคงใช้แชมพูหรือผลิตภัณฑ์ทั่วไปที่ไม่เหมาะสมกับสภาพผมหลังทำสี ส่งผลให้เส้นผมขาดความชุ่มชื้น เพราะขาดการบำรุงที่จำเป็น จึงเกิดปัญหาผมแห้งเสีย แตกปลาย และไม่มีชีวิตชีวาในที่สุด
หนึ่งในสัญญาณแรกที่สังเกตได้ง่ายที่สุดของผมเสียจากการทำสี คือผมมีลักษณะแห้งหยาบกร้าน ขาดน้ำหนัก และสูญเสียความเงางามตามธรรมชาติ เนื่องจากสารเคมีในน้ำยาย้อมสีเข้าไปทำลายเกล็ดผม ทำให้เกล็ดผมเปิดออกจนสูญเสียความชุ่มชื้นที่จำเป็น เส้นผมจึงดูแห้ง ชี้ฟู
สารเคมีและความร้อนจากการทำสีส่งผลให้โครงสร้างโปรตีนของเส้นผมถูกทำลาย เส้นผมที่ถูกทำลายจึงเปราะบาง แตกปลายได้ง่าย และมีโอกาสขาดหลุดร่วงสูง เมื่อหวีหรือจัดแต่งทรงผม อาจสังเกตเห็นเส้นผมขาดติดออกมามากกว่าปกติ ซึ่งเป็นสัญญาณที่บ่งบอกว่าเส้นผมเสียหายอย่างหนักและต้องได้รับการบำรุงอย่างเร่งด่วน
เมื่อเส้นผมเสียจากการทำสีจะทำให้เกล็ดผมเปิดออก ส่งผลให้เม็ดสีที่ย้อมไปสามารถหลุดออกจากเส้นผมได้ง่าย โดยคุณอาจสังเกตเห็นสีผมที่เคยเข้มชัดเริ่มซีดลงหรือเปลี่ยนเป็นสีอ่อนกว่าที่ตั้งใจไว้ภายในระยะเวลาเพียงไม่กี่สัปดาห์ ซึ่งบ่งบอกได้ชัดเจนว่าสภาพเส้นผมอ่อนแอลง
สารเคมีที่รุนแรงในน้ำยาย้อมสีอาจก่อให้เกิดอาการระคายเคืองต่อหนังศีรษะ ทำให้หนังศีรษะแห้ง คัน หรือเป็นขุยได้ง่าย บางคนอาจมีอาการแสบหรือระคายเคืองที่รุนแรงมากขึ้นหากผิวหนังมีความอ่อนไหวหรือแพ้สารเคมีบางชนิดในน้ำยาย้อมสี ซึ่งอาการดังกล่าวสามารถส่งผลต่อสุขภาพผมโดยรวมและรบกวนการใช้ชีวิตประจำวันได้
เส้นผมที่ถูกทำลายจากสารเคมีและความร้อนจะสูญเสียความยืดหยุ่นตามธรรมชาติ ส่งผลให้ผมพันกันง่าย มีลักษณะยุ่งเหยิง และจัดทรงได้ยากขึ้นอย่างเห็นได้ชัด แม้ว่าจะหวีหรือใช้ผลิตภัณฑ์จัดแต่งทรงแล้วก็ตาม ผมก็ยังดูไม่เรียบลื่น
ควรเลือกผลิตภัณฑ์ดูแลเส้นผมที่ออกแบบมาเฉพาะสำหรับผมทำสี เช่น แชมพู ครีมนวดผม หรือซีรัมที่ปราศจากซัลเฟตและพาราเบน ซึ่งช่วยรักษาความชุ่มชื้น ปิดเกล็ดผม และรักษาสีผมได้นานยิ่งขึ้น นอกจากนี้ ยังช่วยลดความเสียหายของเส้นผมได้อย่างมีประสิทธิภาพอีกด้วย
ผลิตภัณฑ์ที่มีสารกันแดดหรือ UV Protection จะช่วยปกป้องเส้นผมจากรังสียูวีที่เป็นสาเหตุหลักของการซีดจางของสีผมและการสูญเสียความชุ่มชื้น จึงควรเลือกใช้สเปรย์ ซีรัม หรือครีมที่มีส่วนผสม UV Protection ก่อนออกแดดทุกครั้ง เพื่อช่วยคงความสดใสของสีผมให้ยาวนานขึ้น
การพักให้เส้นผมได้ฟื้นฟูตัวเองจากการถูกสารเคมีบ่อย ๆ เป็นสิ่งสำคัญ ควรเว้นระยะในการทำสีอย่างน้อย 6-8 สัปดาห์ขึ้นไป และหลีกเลี่ยงการกัดสีผมบ่อยเกินไป เพราะจะทำให้ผมเสียสะสมจนยากต่อการฟื้นฟูได้
ควรทำทรีตเมนต์บำรุงผมอย่างน้อยสัปดาห์ละ 1-2 ครั้ง ด้วยผลิตภัณฑ์ที่มีส่วนผสมของเคราติน โปรตีน และน้ำมันจากธรรมชาติ เช่น อาร์แกนออยล์ น้ำมันมะพร้าว หรืออะโวคาโด โดยทรีตเมนต์จะช่วยฟื้นฟูและซ่อมแซมโครงสร้างเส้นผมที่เสียหายจากสารเคมี ให้กลับมาแข็งแรง นุ่มสลวย และเงางามอีกครั้ง
พยายามหลีกเลี่ยงหรือลดการใช้ความร้อนกับเส้นผม เช่น การเป่าผมด้วยไดร์ที่มีอุณหภูมิสูง การหนีบผม หรือม้วนผมด้วยความร้อน หากจำเป็นต้องใช้ควรปรับระดับความร้อนให้ต่ำที่สุดและใช้ผลิตภัณฑ์ป้องกันความร้อนทุกครั้ง เพื่อป้องกันไม่ให้เส้นผมสูญเสียความชุ่มชื้นและเสียหายหนักขึ้น
เส้นผมที่เปียกจะอ่อนแอและขาดง่ายกว่าปกติ ควรรอให้ผมแห้งหมาดก่อนค่อยหวีหรือใช้หวีซี่ห่างในการสางเบา ๆ เพื่อป้องกันไม่ให้เส้นผมขาดหลุดร่วงง่ายขึ้น ช่วยลดปัญหาผมเปราะและแตกปลายได้อย่างมีประสิทธิภาพ
การฟื้นฟูผมเสียจากภายในด้วยการรับประทานอาหารที่มีสารอาหารที่ดีต่อเส้นผม เช่น โปรตีน ไบโอติน สังกะสี วิตามิน A, C, E และกรดไขมันโอเมก้า-3 อย่างเช่น ปลาแซลมอน ไข่ อะโวคาโด ผักใบเขียว หรือถั่วต่าง ๆ จะช่วยบำรุงเส้นผมให้แข็งแรงจากภายใน ลดการหลุดร่วง ช่วยให้ผมสวยสุขภาพดีในระยะยาว
เชื่อว่าข้อมูลข้างต้นน่าจะเป็นประโยชน์และน่าจะทำให้เข้าใจภาพรวมว่าปัญหาผมเสียจากการทําสีเกิดจากอะไรและต้องแก้ยังไงให้ผมกลับมามีสุขภาพที่ดีมากยิ่งขึ้น อย่างไรก็ตาม ใครที่ประสบปัญหารุนแรง จนผมร่วงบาง Bangkok Hair Clinic พร้อมช่วยดูแล ด้วยประสบการณ์การเป็นคลินิกให้บริการปลูกผม ที่ใช้เทคโนโลยีที่ทันสมัยช่วยกระตุ้นผมเกิดใหม่ พร้อมฟื้นฟูเส้นผมของคุณให้แน่นหนาขึ้นอย่างเป็นธรรมชาติ สามารถติดต่อได้ที่
ข้อมูลอ้างอิง