fb pixel
Line facebook instagram linkedin

วันอังคาร - อาทิตย์ 10:00 - 19:00
ติดต่อ 064 196 3539

ไขข้อสงสัย ทำไมปลูกผมเทคนิค FUE จบปัญหาหัวล้านผมบางได้!

มาทำความรู้จักกับเทคนิคการปลูกผมไร้รอยแผลเป็นว่าคืออะไร รวมถึงมาดูกันว่าทำไมการปลูกผมแบบ FUE ถึงตอบโจทย์กับผู้ที่มีปัญหาหัวล้านผมบาง ใครอยากรู้ห้ามพลาด

ศีรษะเถิกเว้า หน้าผากกว้าง และผมบางถือเป็นปัญหาใหญ่ที่ทำให้ทั้งชายและหญิงจำนวนไม่น้อยขาดความมั่นใจ แต่ด้วยนวัตกรรมทางการแพทย์ที่พัฒนาไปอย่างรวดเร็ว ทำให้เกิดเป็นนวัตกรรมการปลูกผมที่นอกจากจะช่วยจบปัญหาเหล่านี้ให้หมดไปแล้ว ยังสามารถทำให้เส้นผมเจริญเติบโตได้อย่างมีประสิทธิภาพ ซึ่งในปัจจุบันนี้ การปลูกผมเทคนิค FUE ก็เป็นอีกหนึ่งหัตถการขั้นสูงที่ช่วยให้ผู้ที่มีปัญหาผมบาง ศีรษะล้าน ได้กลับมามีความมั่นใจอีกครั้ง

ดังนั้น สำหรับใครที่กำลังศึกษาเกี่ยวกับการปลูกผมในแบบต่าง ๆ ว่าควรทำเทคนิคไหนดี? วันนี้เราไปทำความรู้จักกับการปลูกผมเทคนิค FUE หรือการปลูกผมไร้รอยแผลเป็น ว่าทำไมถึงตอบโจทย์กับผู้ที่มีปัญหานี้ได้เป็นอย่างดี

ปลูกผมมีกี่แบบ?

ในปัจจุบันนี้ เทคนิคการปลูกผมมีทั้งหมด 3 วิธีหลัก ๆ ด้วยกัน ซึ่งประกอบด้วย

ปลูกผมเทคนิค FUT

เป็นเทคนิคที่แพทย์จะนำเซลล์รากผมออกมาจากบริเวณด้านหลังของศีรษะได้จำนวนมากภายในเวลาอันสั้นเพื่อย้ายมาปลูกในบริเวณที่ต้องการ โดยที่ผมบริเวณที่นำมาปลูกนั้นนี้จะไม่บางลง ไม่จำเป็นต้องโกนศีรษะก่อนทำหัตถการ ซึ่งถือเป็นเทคนิคปลูกผมที่เหมาะกับผู้ที่ต้องใช้กราฟต์จำนวนมาก หรือมีโอกาสที่จะต้องปลูกซ้ำหลายรอบ

ปลูกผมเทคนิค FUE

การปลูกผมแบบ FUE เป็นวิธีปลูกผมไร้รอยแผลเป็น ที่สามารถแบ่งออกได้เป็น 3 เทคนิค คือ

  • เทคนิค Shaven FUE – เป็นเทคนิคการปลูกผมด้วยการย้ายเซลล์รากผมที่ได้รับความนิยมเป็นอย่างมาก เนื่องจากมีอัตราการติดของเส้นผมที่สูงเมื่อเทียบกับเทคนิคอื่น ๆ ที่สำคัญไม่จำเป็นต้องตัดหนังศีรษะเหมือนกับเทคนิคปลูกผม FUT จึงไม่ต้องเย็บ และไม่ทำให้เกิดแผลเป็นที่มองเห็นได้ชัดเจนและไม่ต้องพักฟื้นอีกด้วย
  • เทคนิค Non-shaven FUE – เป็นนวัตกรรมปลูกผมไร้รอยแผลเป็นที่ช่วยซ่อนแผลจากการปลูกผมได้ดีที่สุด โดยแพทย์จะทำการปลูกผมโดยไม่ต้องโกนผมบริเวณท้ายทอยทั้งหมด แต่จะใช้วิธีตัดเล็มบางส่วนทำให้ลักษณะผมบริเวณท้ายทอยดูเป็นปกติหลังการปลูก ทำให้คนไข้สามารถใช้ชีวิตประจำวันในวันต่อมาได้อย่างราบรื่น

    ทั้งนี้ ขั้นตอนการปลูกผมด้วยวิธี Non-Shaven FUE จะเหมือนกับวิธี Shaven FUE แต่จะมีความซับซ้อนและละเอียดอ่อนกว่ามาก จึงต้องทำโดยแพทย์ที่มีความเชี่ยวชาญและประสบการณ์สูงเท่านั้น เพื่อให้ผลลัพธ์มีความสมบูรณ์มากที่สุด
  • เทคนิค DHI – คือการปลูกผมด้วยเทคนิค FUE อีกรูปแบบหนึ่งที่พัฒนาไปอีกขั้นหนึ่ง โดยในขั้นตอนการปลูกผมแบบ DHI นั้น แพทย์จะทำการปลูกผมทีละเส้นภายในครั้งเดียว ด้วยเครื่องมือพิเศษที่เรียกว่า DHI Implanter ซึ่งไม่ต้องใช้เข็มเจาะลงไปบนหนังศีรษะ และใช้ Forceps คีบกราฟต์ผมมาปลูกลงไปในรอยที่เจาะ

ปลูกผมด้วยการฉีดเกล็ดเลือดเข้มข้น (PRP Hair Restoration)

อีกหนึ่งนวัตกรรมในรักษาศีรษะล้าน ผมบาง ด้วยวิธีการฉีดเกล็ดเลือดเข้มข้น (PRP – Platelet Rich Plasma) ที่ได้จากการปั่นเลือดของผู้ที่เข้ารับบริการ และฉีดตรงไปที่รากผม เพื่อฟื้นฟูการทำงานของเซลล์รากผม พร้อมช่วยกระตุ้นการสร้างและเติบโตของผมเส้นใหม่ให้กลับมาหนาและแข็งแรงอีกครั้ง

FUE ต่างจากปลูกผมเทคนิค FUT อย่างไร?

ต้องขอบอกว่าการปลูกผมแบบ FUT กับการปลูกผมไร้รอยแผลเป็น FUE คือ 2 เทคนิคที่ได้รับความนิยมมากที่สุดในปัจจุบัน แต่อาจมีใครหลายคนสงสัยว่า FUE ต่างจากการปลูกผมเทคนิค FUT อย่างไร? เราขอสรุปสั้น ๆ แบบเข้าใจง่าย ดังนี้

สำหรับการปลูกผมแบบ FUE นั้น มีวิธีการทำที่เหมือนกับ FUT ทุกขั้นตอน แต่สิ่งที่แตกต่างกัน คือ ราคาที่สูงกว่า เพราะใช้ความเชี่ยวชาญมากกว่า รวมถึงขั้นตอนการย้ายรากผมจากหนังศีรษะที่ละเอียดอ่อนกว่าซึ่ง FUE จะต้องใช้เครื่องมือในการเจาะรากผมออกมาโดยเฉพาะ ทำให้ไม่ทิ้งแผลเป็นหลังทำ เหมาะสำหรับทุกเพศทุกวัยที่มีปัญหาผมเถิกเว้า หน้าผากกว้าง ผมบางและต้องใช้กราฟต์จำนวนไม่มากในการรักษา และมีผมยาวเพียงพอที่จะปกปิดแนวผมที่ถูกตัดได้ หรือต้องการหลีกเลี่ยงไม่ให้ผู้อื่นเห็นแผล รวมถึงผู้ที่มีความกังวลกับการต้องโกนศีรษะ

เพื่อผลลัพธ์ที่ดีที่สุดหลังปลูกผมเทคนิค FUE

การจะได้ผลลัพธ์ที่ดีหลังปลูกผมแบบ FUE นั้น อาจมีคนจำนวนไม่น้อยที่เข้าใจว่าต้องพึ่งฝีมือแพทย์เฉพาะทางด้านการปลูกผมที่เก่งเท่านั้น แต่ในความเป็นจริงแล้ว ผลลัพธ์ที่ดีขึ้นอยู่กับฝีมือแพทย์ 70% อีก 30% ขึ้นอยู่กับการดูแลตัวเองทั้งก่อนและหลังปลูกผมให้ถูกต้องตามคำแนะนำของแพทย์ ซึ่งหากคนไข้เลือกปลูกผมแบบ FUE โดยเน้นที่ราคาถูกกับแพทย์ที่ไม่มีความเชี่ยวชาญ หรือคนไข้ที่ไม่ดูแลตัวเองตามที่แพทย์แนะนำ อาจทำให้เกิดความเสี่ยงต่าง ๆ ได้ เช่น กราฟต์ที่ปลูกผมไม่ติด หรือปลูกแล้วมีเปอร์เซ็นต์การรอดน้อยลงมาก เป็นต้น

ปลูกผมเทคนิค FUE พักฟื้นกี่วัน? ดูแลตัวเองอย่างไร?

โดยปกติแล้ว หากเป็นเทคนิคการปลูกผมแบบอื่น แพทย์อาจแนะนำให้พักฟื้นตั้งแต่ 1 – 4 สัปดาห์ ขึ้นไป อยู่กับความจำเพาะของแต่ละบุคคล แต่เทคนิคปลูกผมแบบ FUE จะพักฟื้นไม่เกิน 3 วัน ก็สามารถกลับไปทำงานได้แล้ว โดยมีวิธีการดูแลตัวเองที่บ้าน ดังต่อไปนี้

อย่างน้อย 4 วันหลังปลูกผม

  • คาดผ้าคาดศีรษะไว้ 
  • นอนหัวสูงโดยใช้หมองซ้อนกัน 2 – 3 ใบ
  • ไม่นอนทับบริเวณที่ปลูกผมใหม่

ช่วง 1 สัปดาห์หลังปลูกผม

  • งดสูบบุหรี่หรือเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ทุกชนิด
  • งดก้มต่ำกว่าระดับหัวใจ
  • ไม่นอนทับบริเวณที่ปลูกผมใหม่

ช่วง 2 สัปดาห์หลังปลูกผม

  • ห้ามถู เช็ด แกะ เกา บริเวณผมที่ปลูก
  • หลีกเลี่ยงการเจอแดด

ช่วง 4 สัปดาห์หลังปลูกผม

  • งดว่ายน้ำในสระ
  • งดซาวน่า
  • งดออกกำลังกายหนักทุกประเภทที่ทำให้เหงื่อออก
  • หลีกเลี่ยงการตัดผม ทำสีผม

เช่นเดียวกับการทำหัตถการอื่น ๆ การทานยาตามที่แพทย์สั่งจนครบเป็นสิ่งที่สำคัญมากเพราะจะช่วยลดอาการบวมอักเสบและป้องกันการติดเชื้อหลังการรักษาได้ นอกจากนี้แนะนำว่าให้ดื่มน้ำในปริมาณที่เหมาะสม รวมถึงรับประทานอาหารให้ครบ 5 หมู่ พักผ่อนให้เพียงพอ และทำตามคำแนะนำจากแพทย์ เพื่อการฟื้นฟูที่ดีที่สุดหลังการปลูกผม

ปลดล็อกการใช้ชีวิตหลังการปลูกผม นอกจากจะดูดีขึ้นแล้ว ยังรู้สึกมั่นใจอย่างเต็มเปี่ยม

ผมบาง ศีรษะล้าน อาจเป็นปัญหาที่ทำให้หลายคนรู้สึกหมดความมั่นใจ และไม่อยากออกไปไหน แต่การปลูกผมจะช่วยเปลี่ยนลุค ปลดล็อกการใช้ชีวิต เพราะผลลัพธ์หลังการปลูกผมนอกจากจะทำให้หน้าดูเด็กลงแล้ว คุณยังสามารถปรับแต่งทรงผมได้อย่างที่ใจต้องการ ส่งเสริมให้การแต่งตัวไม่ว่าจะลุคไหน ๆ ก็ง่ายและดูดีกว่าที่เคยอีกด้วย

ปลดล็อกความมั่นใจด้วยการปลูกผมเทคนิค FUE ที่ BHC

เปิดโอกาสให้ตัวเองกลับมามีความมั่นใจอีกครั้งหนึ่ง กับเทคนิคการปลูกผมจากแพทย์ผู้เชี่ยวชาญที่จะช่วยสร้างผลลัพธ์ในแบบที่คุณต้องการ สามารถเข้ามาปรึกษากับแพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านการปลูกผมได้ที่ BHC ศูนย์ดูแลเส้นผมแบบครบวงจรที่สุดในประเทศไทย และเป็นคลินิกของคนรุ่นใหม่ที่ให้บริการปลูกผมแบบ FUE ซึ่งเป็นเทคนิคปลูกผมไร้รอยแผลเป็นขั้นสูงในราคาคุ้มค่า ด้วยเทคโนโลยีที่ดีที่สุดภายใต้มาตรฐานการแพทย์สากล พร้อมทีมแอดมินซัปพอร์ต ที่จะตอบทุกประเด็นที่คุณสงสัย เพื่อช่วยคลายความกังวลตั้งแต่ก่อนและหลังทำ

มีปัญหาเส้นผม ปรึกษาแพทย์ฟรีที่ Bangkok Hair Clinic 

E-mail: bangkokhairclinic@gmail.com หรือติดต่อเราช่องทางอื่น ๆ

lineline messagemessage callcall