fb pixel
Line facebook instagram linkedin

วันอังคาร - อาทิตย์ 10:00 - 19:00
ติดต่อ 064 196 3539

วิตามินไบโอติน ตัวช่วยบำรุงผมจากภายใน สู่ผมสวยสุขภาพดี

ผมร่วง ผมบาง เป็นหนึ่งในปัญหาใหญ่ที่สร้างความกังวลใจให้กับหลายคน การดูแลเส้นผมให้แข็งแรงจึงเป็นสิ่งสำคัญที่ไม่ควรมองข้าม ซึ่งหนึ่งในวิตามินที่ได้รับความนิยมอย่างมากในการบำรุงเส้นผม คือวิตามินไบโอติน ที่มีบทบาทสำคัญในการช่วยให้เส้นผมแข็งแรงและมีสุขภาพที่ดี

วิตามินไบโอตินคืออะไร มีประโยชน์อย่างไรต่อเส้นผม ?

วิตามินไบโอติน มักรู้จักกันในชื่อวิตามินเอช (Vitamin H) หรือวิตามินบี 7 (Vitamin B7) เป็นวิตามินที่ละลายในน้ำได้ มีหน้าที่ในการเปลี่ยนอาหารให้เป็นพลังงาน ทั้งยังช่วยในการสร้างเซลล์ใหม่ในร่างกาย รวมถึงเซลล์ผม การได้รับไบโอตินในปริมาณที่เพียงพอสามารถช่วยเสริมสร้างสุขภาพเส้นผม ดังนี้

  • ช่วยให้ผมยาวเร็วขึ้น ไบโอตินมีส่วนสำคัญในการเสริมสร้างโครงสร้างของเคราติน ทำให้เส้นผมแข็งแรง พร้อมช่วยฟื้นฟูเซลล์ผมที่เสียหาย และเสริมสร้างเส้นผมให้แข็งแรงจากรากจรดปลาย
  • ลดปัญหาผมร่วง การขาดไบโอตินอาจทำให้เกิดภาวะผมร่วง หรือผมบางได้ ดังนั้น การทานไบโอตินเป็นประจำจึงสามารถช่วยป้องกันผมร่วง ทำให้เส้นผมมีความแข็งแรงมากขึ้น
  • ทำให้ผมเงางาม วิตามินไบโอตินช่วยให้เส้นผมดูเงางามและมีชีวิตชีวา ช่วยลดความแห้งเสียและแตกปลาย ทำให้เส้นผมดูสุขภาพดี
  • ป้องกันผมหงอกก่อนวัย ไบโอตินช่วยป้องกันการเกิดผมหงอกก่อนวัยอันควร โดยช่วยรักษาโครงสร้างของเส้นผมให้แข็งแรงและมีสีผมที่สม่ำเสมอ

วิตามินไบโอติน กินตอนไหนให้ได้ประสิทธิภาพ ?

ช่วงเวลาที่เหมาะสมในการทานวิตามินไบโอติน คือตอนเช้าขณะท้องว่าง หรือ หลังอาหารเช้าทันที เพราะร่างกายจะสามารถดูดซึมวิตามินได้ดีที่สุด แต่ก็สามารถกินพร้อมอาหารมื้ออื่นได้เช่นกัน เพียงแต่อาจทำให้ประสิทธิภาพในการดูดซึมลดลงเล็กน้อย สิ่งสำคัญคือ ควรรับประทานไบโอตินอย่างต่อเนื่องในปริมาณที่เหมาะสม เพื่อเสริมสร้างสุขภาพเส้นผมและหนังศีรษะ

เลือกวิตามินไบโอติน ยี่ห้อไหนดี ต้องพิจารณาจากอะไรบ้าง ?

การจะตัดสินใจเลือกว่าควรทานผลิตภัณฑ์วิตามินไบโอตินยี่ห้อไหนดี ควรพิจารณาจากหลากหลายปัจจัย ดังต่อไปนี้

ปริมาณไบโอติน

ควรเลือกผลิตภัณฑ์ที่มีปริมาณไบโอตินเพียงพอสำหรับความต้องการของร่างกาย โดยปริมาณไบโอตินที่แนะนำต่อวันของผู้ใหญ่และเด็กอายุมากกว่า 4 ปีขึ้นไป คือ 30 ไมโครกรัม อย่างไรก็ตาม ความต้องการไบโอตินของแต่ละบุคคลอาจแตกต่างกันไป ขึ้นอยู่กับปัจจัยหลายอย่าง เช่น เพศ น้ำหนัก ส่วนสูง สุขภาพโดยรวม ดังนั้น การปรึกษาแพทย์หรือผู้เชี่ยวชาญด้านโภชนาการจึงเป็นวิธีที่ดีที่สุด

ส่วนผสมอื่น

วิตามินไบโอตินที่มีประสิทธิภาพมักจะมีส่วนผสมของวิตามินและแร่ธาตุอื่น ๆ ที่ช่วยเสริมการทำงานซึ่งกันและกัน เช่น

  • วิตามินอี (Vitamin E) ช่วยปกป้องเซลล์ผมจากอนุมูลอิสระ กระตุ้นการไหลเวียนของเลือดที่หนังศีรษะ ทำให้รากผมแข็งแรง ลดการหลุดร่วง
  • ซิงค์ (Zinc) จำเป็นต่อการสร้างและซ่อมแซมเนื้อเยื่อผม ช่วยรักษาสมดุลของต่อมไขมันรอบรูขุมขน พร้อมป้องกันการหลุดร่วง
  • กรดโฟลิก (Folic Acid) ช่วยในการสร้างเซลล์ใหม่ รวมถึงเซลล์ผม ป้องกันผมหงอกก่อนวัย เสริมสร้างความแข็งแรงให้กับเส้นผม
  • วิตามินบี 5 (Pantothenic Acid) ช่วยป้องกันผมร่วงและผมบาง กระตุ้นการเจริญเติบโตของเส้นผม ให้เส้นผมมีความชุ่มชื้น ไม่แห้งเปราะ
  • วิตามินซี (Vitamin C) ช่วยในการสร้างคอลลาเจน ซึ่งจำเป็นต่อโครงสร้างของเส้นผม เพิ่มการดูดซึมธาตุเหล็ก ซึ่งมีความสำคัญต่อการเจริญเติบโตของเส้นผม ทั้งยังสามารถต่อต้านสารอนุมูลอิสระที่อาจทำลายเส้นผม
วิตามินไบโอติน กินตอนไหน เลือกรูปแบบไหนดี ?

รูปแบบของวิตามินไบโอติน

วิตามินไบโอติน มีอยู่หลายรูปแบบ ซึ่งแต่ละแบบจะมีข้อดีและข้อเสียที่แตกต่างกันไป โดยสามารถแบ่งออกได้ ดังนี้

  • แบบเม็ด เป็นรูปแบบที่พบเห็นได้บ่อยที่สุด มีราคาประหยัด พกพาสะดวก แต่อาจกลืนยากและย่อยยาก ทำให้ดูดซึมได้ช้า
  • แคปซูล เป็นรูปแบบที่ร่างกายสามารถดูดซึมได้ง่าย แต่มักมีราคาสูงกว่าแบบเม็ด
  • น้ำ ดูดซึมได้เร็วที่สุด เหมาะสำหรับผู้ที่ไม่ถนัดกลืนยาเม็ด แต่มีอายุการเก็บรักษาสั้น อาจต้องเก็บในตู้เย็นหลังเปิดใช้ จึงไม่สะดวกต่อการพกพา
  • เจลลี่ มีรสชาติอร่อย รับประทานง่าย แต่ปริมาณวิตามินอาจน้อยกว่ารูปแบบอื่น และมีน้ำตาลเป็นส่วนประกอบ

ความปลอดภัย

สำหรับผู้ที่อยากดูแลเส้นผมให้แข็งแรงด้วยการกินวิตามินไบโอติน ควรเลือกซื้อผลิตภัณฑ์จากแบรนด์ที่น่าเชื่อถือ ได้รับการรับรองจากองค์การอาหารและยา (อย.) และผลิตในโรงงานที่ได้มาตรฐาน GMP

ปลูกผม FUE Non-Shaven อีกหนึ่งทางเลือกในการรักษาปัญหาเส้นผม !

ถึงแม้วิตามินไบโอตินจะมีประโยชน์ต่อสุขภาพเส้นผมอย่างมากก็ตาม แต่ก็ต้องใช้ระยะเวลาในการดูแลเส้นผม สำหรับคนที่กำลังมองหาวิธีแก้ปัญหาเส้นผมที่เห็นผลได้ทันที ขอแนะนำการรักษาด้วยวิธี FUE Non-Shaven นวัตกรรมขั้นสูงสุดของการปลูกผม ซึ่งเป็นการปลูกผมโดยไม่ต้องโกนผมบริเวณท้ายทอยทั้งหมด (Donor Area) แต่จะเป็นการตัดเฉพาะบางส่วน เล็มด้วยกรรไกร หรือใช้เครื่องโกนดัดแปลงพิเศษ เพื่อให้ลักษณะผมบริเวณท้ายทอยดูเป็นปกติมากที่สุดหลังการปลูก จึงช่วยซ่อนแผลจากการปลูกผมได้เป็นอย่างดี ทำให้คนไข้สามารถใช้ชีวิตประจำวันในวันต่อมาได้ตามปกติ

มองหาทางเลือกในการปลูกผม FUE ที่ Bangkok Hair Clinic ศูนย์ศัลยกรรมปลูกผมถาวรระดับพรีเมียม ให้บริการปลูกผมแบบ FUE ในราคาที่คุณพึงพอใจ ไปจนถึงการรักษาปัญหาผมร่วง ผมบาง ศีรษะล้าน รวมถึงปัญหาหนังศีรษะแบบครบวงจร โดยทีมแพทย์ผู้เชี่ยวชาญมากประสบการณ์ ด้วยเครื่องมือและเทคโนโลยีที่ทันสมัย เพื่อช่วยสร้างแนวผมใหม่และดูแลให้เส้นผมแน่นหนาขึ้นอย่างเป็นธรรมชาติ สามารถติดต่อได้ทาง Line: @bangkokhairclinic (มี @ ด้วย) หรือโทร. 02 118 7386, 064 196 3539 หรือส่งอีเมลมาที่ bangkokhairclinic@gmail.com

ข้อมูลอ้างอิง

lineline messagemessage callcall