- กินอาหารที่มีประโยชน์ต่อเส้นผม
ต่อมผมนั้นจะสร้างเส้นผมขึ้นมาจากสารอาหารที่เรากินไป แน่นอนว่าถ้าเราขาดสารอาหารเหล่านั้นไปอาจจะทำให้ผมร่วงได้ สารอาหารที่เราควรกินเพื่อบำรุงเส้นผมแบบธรรมชาติก็คือ โปรตีน เช่น นม ชีส โยเกิร์ต , ปลาแซลมอนมีโอเมก้า3, วิตามินบี12 และธาตุเหล็ก , กล้วยหอมจะอุดมไปด้วยวิตามินบี6 และแร่ซิลาก้า , ผักที่มีใบสีเขียวจะประกอบด้วยวิตามินเอและวิตามินซี, นอกจากนี้ยังอุดมไปด้วยธาตุเหล็ก ซิลีเนียม และแคลเซียม เป็นต้น สารอาหารทั้งหมดที่กล่าวไปจะช่วยบำรุงเส้นผมให้แข็งแรง ซ้อมแซมเส้นผมที่ถูกทำร้ายและยังช่วยให้ผมขาด หลุด ร่วงน้อยลงอีกด้วย
- ดูแลเอาใจใส่เส้นผมให้มากเป็นพิเศษ
วิธีนี้เป็นอีก 1 วิธีที่ทำได้ง่าย ๆ ด้วยตัวเองเพื่อป้องกันอาการผมร่วงด้วยตัวเองเบื้องต้นได้ วิธีการดูแลเอาใจใส่เส้นผม มีดังนี้
- สระผมให้ถูกวิธี ไม่ควรสระผมด้วยน้ำร้อนหรือน้ำเย็นจัด ไม่ควรสระผมทุกวันเพราะอาจจะทำให้หนักศีรษะแห้งจนเกินไปอาจจะเกิดรังแคได้ ทางที่ดีควรสระผม 3-4 วัน/สัปดาห์ และที่สำคัญไม่ควรเกาศีรษะขณะที่สระผมเพราะจะทำให้ผมร่วงได้
- เลือกแชมพูและครีมนวดที่ไม่มีสารอันตราย เช่น สารกันเสีย พาราเบน ซิริโคน ซัลเฟต
- นวดศีรษะเป็นประจำให้เลือดไหลเวียน
- หวีผมให้ถูกวิธี ไม่หวีแรงๆ ไม่กระชากผมขณะที่หวี
- หากจะต้องใช้ยาแก้อาการผมร่วงควร ปรึกษาแพทย์ก่อนใช้
- หลีกเลี่ยงการใช้ความร้อนและสารเคมีกับเส้นผม
แน่นอนว่าการทำร้ายเส้นผมอย่างนึงคือความร้อน ทั้งการหนีบ การยืด การดัดผม รวมปถึงการใช้สารเคมีด้วย ไม่ว่าจะเป็นทำสีผม การเซ็ตผม สเปย์ต่าง ๆ ล้วนทำร้ายเส้นผมทั้งนั้น ถ้าหากจะให้แนะนำก็ควรที่จะหลีกเลี่ยงการกระทำดังกล่าว หรือถ้าจำเป็นอาจจะใช้เซรั่มหรือสเปรย์กันความร้อนก่อนทำจะช่วยป้องกันผมของคุณได้ในระดับนึง
- ใส่ใจสุขภาพทั้งภายในและภายนอกให้ดี
การใส่ใจสุขภาพเป็นเรื่องสำคัญมาก เพราะถ้ามีอาการผมร่วงมากจนผิดสังเกตุอาจจะมาจากปัญหาสุขภาพก็ได้ ฉะนั้นถ้าหากรักษาหรือพบโรคนั้นได้เร็วอาการผมร่วงก็อาจจะกลับมาปกติได้ไวขึ้น ส่วนภายในนั้นคือความเครียดเป็นสาเหตุหลักของอาการผมร่วงนั่นเอง ดังนั้นวิธีแก้ก็คือการดูแลสุขภาพจิตให้ดี ไม่ทำให้ตัวเองเครียดเกินไป นอกจากอาการเครียดแล้ว โรคทางจิตเวชก็สามารถทำให้ผมร่วงได้เช่นกัน เช่น โรคซึมเศร้า โรควิตกกังวล ฉะนั้นแล้วถ้าหากสุขภาพจิตของคุณดีก็จะลดอาการผมร่วงได้ดีมาก
- วิธีรักษาผมร่วงด้วยการใช้ยา
ต้องบอกก่อนว่าวิธีนี้ต้องปรึกษาแพทย์เฉพาะทางด้านเส้นผมก่อน เพราะยาทั้งสองตัวมีผลข้างเคียงถ้าใช้ผิดวิธีอาจจะเกิดอันตรายได้ การใช้ยารักษาผมร่วงเป็นวิธีที่ผู้ชายนิยมมาก เพราะเนื่องจากอาการผมร่วงของผู้ชายส่วนใหญ่เกิดจากฮอร์โมน DHT ซึ่งยาที่ใช้รักษามีทั้งหมด 2 ตัวด้วยกันคือ “ยาไฟแนสเตอรายด์ (Finasteride)” สามารถออกฤทธิ์ลดการสร้างฮอร์โมน DHT เพื่อแก้ผมร่วงที่ต้นเหตุได้ส่วนในผู้หญิงจะนิยมใช้ยาไมนอกซิดิวล์ (Minoxidil) มากกว่า เนื่องจากยาตัวนี้จะออกฤทธิ์กับระบบเลือด เป็นการแก้ผมร่วงที่สาเหตุโดยทั่วไป ไม่ได้เฉพาะเจาะจงที่ฮอร์โมนตัวเดียวเหมือนไฟแนสเตอรายด์
- การใช้หัตถการเข้าช่วย
- การฉีดเกล็ดเลือดเข้มข้น Platelet Rich Plasma หรือที่เราเรียกกันว่าการฉีด PRP คือการนำเกล็ดเลือดเข้มข้นฉีกเข้าไปบนหนังศีรษะ ไม่เจ็บและเห็นผลลัพธ์ได้ชัดเจนและผลข้างเคียงน้อย โดยวิธีการก็คือเจาะเลือดของผู้ที่จะทำเข้าไปทำกระบวนการเพื่อให้ได้เกล็ดเลือดที่เข้มขนจะได้สารอาการที่เส้นผมต้องการและ Growth Factor ที่จำเป็นต่อการสร้างผม และกระตุ้นให้เกิดการสร้างเส้นเลือด เพื่อให้สารอาหารไปเลี้ยงเส้นผมได้ดีขึ้นนั่นเอง แต่ต้องทำการฉีดโดยแพทย์เท่านั้น
- การทำนวัตกรรมเซลล์บำบัดฟื้นฟูเส้นผม Cell Plus Therapy วิธีการคล้ายๆกับการทำ PRP แต่จะแตกต่างตรงที่การทำเซลล์บำบัดจะใช่เซลล์จากบนศีรษะเราที่แข็งแรงเข้าไปสกัดในเครื่องแล้วฉีดกลับเข้าไปนั่นเอง สามารถเห็นผลลัพธ์ที่แตกต่างอย่างชัดเจนได้แม้ทำเพียงครั้งเดียว
- การฉายเลเซอร์บำรุงผม (LLLT) หลายท่านคงคุ้นเคยกับการใช้เลเซอร์เพื่อบำรุงรักษาผิวพรรณ แต่รู้หรือไม่ว่า ในปัจจุบันมีเลเซอร์ที่ได้รับการออกแบบให้ช่วยดูแลบำรุงรักษาเส้นผมและหนังศีรษะได้ด้วยเช่นกัน นั่นก็คือ Low-Level Laser Therapy (LLLT) ซึ่งเป็นเทคโนโลยีและผลิตภัณฑ์ที่จะช่วยในการรักษาผมร่วงผมบางจากพันธุกรรม LLLT นี้จะทำการกระตุ้นและฟื้นฟูการทำงานของเซลล์รากผมให้กลับมาแข็งแรงเสมือนเป็นเซลล์ใหม่ และยังช่วยบำรุงสภาพของหนังศีรษะได้อย่างทั่วถึง ล้ำลึกถึงระดับรูขุมขน เพราะอานุภาพการทำงานของเลเซอร์ให้ผลที่แน่นอนกว่าการใช้เซรั่มบำรุงโดยทั่วไป
- ปรึกษาแพทย์เฉพาะทางเส้นผมและหนังศีรษะ
ถ้าหากกังวลหรือทำมาหลายวิธีแล้วไม่ได้ผลแนะนำให้เข้ามาปรึกษาแพทย์เฉพาะทางจะดีกว่า เพราะว่าการที่เราหาวิธีรักษาเองก็เหมือนงมเข็มในมหาสมุทร ถ้าเรารู้ว่าสาเหตุของผมร่วงคืออะไรและรักษาได้อย่างตรงจุดอาจจะต้องปลูกผมหรือทานยาเพื่อรักษาอาการผมร่วงก็จะได้รักษาได้อย่างทันท่วงที เพราะถ้าเราเข้ามาปรึกษาช้าเราอาจจะไม่สามารถแก้ไขอาการผมร่วงได้อีกเลยก็ได้
การมีจะมีผมสุขภาพดีได้นั้น สิ่งสำคัญคือต้องมีวินัยในตนเองให้มาก ดูแลผมอย่างสม่ำเสมอ ทานอาหารที่มีประโยชน์และถ้าหากทำจิตใจให้ผ่อนคลาย และลดความเครียดควบคู่ไปด้วยก็จะได้ผลมากถ้าทำได้เป็นประจำทุกวัน ผมก็จะดีขึ้นเรื่อยๆ อาการผมร่วงก็จะลดน้อยลงไปเอง และข้อสำคัญที่สุดก็คือถ้าสังเกตุตัวเองว่ามีอาการผมร่วงมากกว่าปกติพยายามรักษาด้วยตัวเองแล้วไม่ดีขึ้นต้องรีบปรึกษาแพทย์เพื่อรับการรักษาได้อย่างทันท่วงที
มีปัญหาเส้นผม ปรึกษาแพทย์ฟรีที่ Bangkok Hair Clinic
E-mail: bangkokhairclinic@gmail.com หรือติดต่อเราช่องทางอื่น ๆ