fb pixel
Line facebook instagram linkedin

วันอังคาร - อาทิตย์ 10:00 - 19:00
ติดต่อ 064 196 3539

Background images
Doctor working in the clinic Doctor working in the clinic
Background images

BANGKOK HAIR CLINICคลินิกปลูกผมถาวร ย่านทองหล่อ ใจกลางกรุงเทพฯ

  • คลินิกรักษาผมร่วงและปลูกผมด้วยเทคนิค DHI Micrograft ช่วยสร้างแนวผมดกดำ
  • ให้การรักษาและดูแลอย่างใกล้ชิดโดยแพทย์ที่มีประสบการณ์ยาวนานกว่า 10 ปี
  • ได้รับความไว้วางใจจากชาวไทยและชาวต่างชาติ มีรีวิวบน Google จำนวนมาก
  • ใช้เทคโนโลยีที่ทันสมัย เครื่องมือหัตถการนำเข้าจากต่างประเทศ
ปรึกษาฟรี หมอตอบเอง

รักษาปัญหาเส้นผม

ปลูกผม FUE Shaven ปลูกผม FUE Non-Shaven ปลูกผม DHI (FUE with Implanter)
ต้องโกนผม ต้องโกนผมในบริเวณที่เอาเส้นผมออก ไม่ต้องโกนผมในบริเวณที่เอาเส้นผมออก ไม่ต้องโกนผมในบริเวณที่ปลูกผม
ระยะเวลาในการทำ ค่อนข้างสั้นกว่า เนื่องจากต้องโกนผม ใช้เวลานานกว่า เพราะเน้นการเอาออกอย่างแม่นยำ นานกว่าวิธีอื่นเนื่องจากเป็นการปลูกผมโดยตรง
ระยะเวลาฟื้นตัว ประมาณ 7-10 วัน ประมาณ 7-10 วัน ฟื้นตัวเร็วกว่าวิธีอื่น เนื่องจากมีแผลน้อยกว่า
เทคนิคการปลูก เอารูขุมขนออกก่อน แล้วจึงปลูกใหม่ ปลูกด้วยปากกา Lion Implanter นำเข้าจากต่างประเทศ
รอยแผลเป็น มีรอยแผลจุดเล็ก ๆ ยากต่อการมองเห็น มีแผลเป็นน้อย ซ่อนได้ดีกว่าวิธี FUE Shaven แผลเป็นขนาดเล็กเพียง 0.6-0.7 มิลลิเมตร
เหมาะสำหรับ ผู้ที่ยอมรับการโกนผม ผู้ที่ต้องการปลูกผมอย่างแนบเนียน ผู้ที่ต้องการความแม่นยำและความหนาแน่นสูง
ค่าใช้จ่าย ปานกลาง สูงกว่า (เนื่องจากใช้เวลาและความแม่นยำ) สูงที่สุด (เทคนิคพิเศษเฉพาะที่เรา) มาตรฐานระดับสากล
ความแม่นยำ สูง สูง สูงกว่าวิธี FUE
การดูแลหลังทำ ดูแลตามแบบ FUE ทั่วไป ดูแลตามแบบ FUE ทั่วไป ดูแลง่ายกว่า ฟื้นตัวเร็ว แผลน้อย
ระยะเวลาพักฟื้น 1-3 วัน 1-3 วัน 1-3 วัน

เรียกคืนความมั่นใจได้ แค่มีผม

Bangkok Hair Clinic เป็นคลินิกให้บริการปลูกผมถาวรใจกลางสุขุมวิท ที่มีประสบการณ์ด้านการแก้ปัญหาศีรษะล้านโดยเฉพาะ ให้บริการศัลยกรรมปลูกผม รักษาผมร่วง ผมบาง ศีรษะล้าน และปัญหาเรื่องเส้นผมและหนังศีรษะอย่างครอบคลุมโดยทีมแพทย์เฉพาะทาง เพื่อสร้างแนวผมพร้อมดูแลเส้นผมให้ดกดำ และช่วยเสริมบุคลิกให้คุณใช้ชีวิตได้อย่างมั่นใจ

อย่าปล่อยให้เวลา พรากผมไปจากคุณ...

คลินิกรักษาผมบางของเราไม่ได้ดูแลแค่การปลูกผมถาวรด้วยเทคนิค FUE และ DHI เท่านั้น แต่ยังเป็นคลินิกรักษาหัวล้านที่มีวิธีการรักษาหลากหลายรูปแบบ เพื่อแก้ปัญหาผมร่วง ผมบาง อย่างตรงจุด ช่วยเติมเต็มความมั่นใจให้กับคุณได้อีกครั้ง

Background images

วิสัยทัศน์ของเรา

คืนความมั่นใจให้กับตัวเอง

อยากรักษาผมบาง ทำไมต้อง Bangkok Hair Clinic ?

เราเป็นคลินิกเฉพาะทางดูแลเส้นผมและศัลยกรรมปลูกผมถาวรด้วยเทคนิค DHI และ FUE ที่มุ่งเน้นการออกแบบรักษาเฉพาะบุคคล (Personalization) โดยใช้หัตถการที่ทันสมัยและมีผลวิจัยรองรับว่าได้ผลจริงพร้อมด้วยทีมแพทย์และพยาบาลที่มีประสบการณ์มาตรฐานระดับนานาชาติจาก ISHRS AAHRS และ WFI จึงถือเป็น “One-stop Service” เรื่องผมร่วงสำหรับทุกเพศทุกวัย ไม่ว่าคุณจะมีอาการผมร่วง ผมบาง หรือมีแนวผมที่ถอยร่น โดยคลินิกของเรามีความแตกต่างจากคลินิกทั่วไปดังต่อไปนี้

หลักการทำงานของคลินิกรักษาผมร่วง Bangkok Hair Clinic
  • ปลูกผมด้วยเทคนิค DHI และ FUE
  • สถานที่และอุปกรณ์ทันสมัย สะอาด
  • แนวผมหลังเข้ารับการรักษาเข้ากับรูปหน้าได้ดี
  • เครื่องมือหัตถการทุกประเภท นำเข้าจากต่างประเทศ โดยมีงานวิจัยรับรองด้านคุณภาพ
  • ทีมแพทย์ และพยาบาล มีประสบการณ์ตรงมากกว่า 10 ปี

รางวัลของเรา

คลินิกรักษาผมร่วงที่ได้รับการรับรองโดย AAHRS คลินิกรักษาผมบางที่ได้รับการรับรองโดย General Medical Council

Certificate




คนไข้ของเรา

Bangkok Hair Clinic มุ่งมั่นที่จะรักษาผมร่วง ผมบางอย่างตรงจุด เพื่อฟื้นฟูและแก้ปัญหาศีรษะล้านด้วยเทคนิคที่เหมาะสม พร้อมทั้งช่วยออกแบบแนวผมที่เข้ากับคุณ ดูตัวอย่างผลการรักษาจากคนไข้จริงของเราได้ที่นี่

บริการดูแลปัญหาเส้นผมครบวงจร

เพราะปัญหาเส้นผมและหนังศีรษะไม่ใช่ปัญหาเล็ก ๆ แต่เป็นสิ่งที่ส่งผลต่อรูปลักษณ์และความมั่นใจในการใช้ชีวิตโดยตรง Bangkok Hair Clinic คลินิกให้บริการปลูกผมถาวรใจกลางทองหล่อ จึงพร้อมให้คำแนะนำและอยู่เคียงข้างคุณทุกขั้นตอน


ปลูกผมถาวร รักษาผมบางและแก้ปัญหาศีรษะล้านด้วยการปลูกผมแบบ FUE Shaven, FUE Non-Shaven, DHI (Implanter) ตลอดจนการปลูกคิ้วถาวร (EBT) เพื่อช่วยปรับโครงสร้างใบหน้าและเสริมสร้างความมั่นใจให้คุณได้อย่างถาวร


ฟื้นฟูและบำรุงเส้นผม ดูแลหนังศีรษะ รักษาผมร่วง ผมบาง ด้วยบริการฉีดบำรุงเส้นผม, การฉีด Cell Plus บำบัด และการฉายเลเซอร์บำรุงผม (LLLT)


ผลิตภัณฑ์ดูแลเส้นผม เพื่อไรผมที่ดกดำและแข็งแรงถึงรากผม

ปรึกษาแพทย์ฟรี วันนี้


ปรึกษาแพทย์ฟรี วันนี้

    Background images
    Background images

    คำถามที่พบบ่อย

    ปัญหาผมร่วงเกิดจากสาเหตุอะไร?

    ปัญหาผมร่วงเกิดได้จากสาเหตุหลายประการ โดยเฉพาะโรคผมร่วงที่เกิดจากกรรมพันธุ์เพศชาย (Androgenetic Alopecia หรือ AGA) ซึ่งเกิดขึ้นได้ทั้งในผู้ชายและผู้หญิงอายุ 25-65ปี และมีอุบัติการณ์สูงถึงร้อยละ 38.5 โดยในคนไทยส่วนใหญ่มักพบอาการแสดงเช่น ผมร่วง หน้าผากกว้าง ผมบางบริเวณกระหม่อมศีรษะ และผมบางบริเวณกลางศีรษะ
    AGA เกิดจากปัจจัยแวดล้อมร่วมกับกรรมพันธุ์ของยีนที่สืบทอดมาจากบิดาและมารดา บ่อยครั้งมักพบว่าสมาชิกในครอบครัวท่านอื่น ๆ ก็พบปัญหาลักษณะคล้ายคลึงกัน ส่งผลให้ระดับค่าฮอร์โมนไดไฮโดรเทสโทสเตอโรน (Dihydrotestosterone (DHT)) สูง ซึ่งฮอร์โมนตัวดังกล่าว เป็นฮอร์โมนที่เกี่ยวข้องกับการสูญเสียเส้นผม ทำให้เส้นผมที่งอกออกมานั้นมีขนาดเล็กลง และบางลงเรื่อย ๆ จนสุดท้ายก็หลุดร่วงหายไปใน (Miniaturisation) บริเวณที่ได้รับผลกระทบ ได้แก่ หน้าผาก ขมับทั้งสองข้าง และบริเวณกลางศีรษะ หากไม่ได้รับการรักษาอย่างถูกต้องแล้ว การร่วงของเส้นผมจะดำเนินต่อไปเรื่อย ๆ จนทำให้เกิดปัญหาศีรษะล้าน และสูญเสียความมั่นใจ
    นอกจากโรคผมร่วงทางกรรมพันธุ์เพศชาย ยังมีสาเหตุของผมร่วง ผมบาง อีกหลายสิบโรค ซึ่งการวินิจฉัยแยกโรค ตรวจทางห้องปฏิบัติการ และดำเนินการรักษาที่ถูกต้องควรดำเนินการโดยแพทย์เฉพาะทางเท่านั้น

    เราดีไซน์แนวผมอย่างไร?

    การออกแบบแนวผมเป็นการผสมผสานศาสตร์ของความงามและศิลปะ แพทย์ของเราจึงให้ความสำคัญในการออกแบบแนวผมให้เหมาะสมกับแต่ละบุคคลมากเป็นพิเศษ โดยคำนึงถึง อายุ โครงหน้า และความคาดหวังของผู้รับการรักษา คลินิกรักษาผมร่วงของเราพร้อมจะร่วมออกแบบแนวผมในฝันของคุณ เพื่อเรียกคืนความอ่อนเยาว์ เสริมความมั่นใจ และปรับภาพลักษณ์ให้ดีขึ้น อย่างไรก็ตาม การออกแบบแนวผมอาจมีข้อจำกัดบางประการ ดังนั้นผู้รับการรักษาจึงควรวางแผนและปรึกษาแพทย์ก่อน

    มีผมร่วงทุกวันเป็นประจำตอนอาบน้ำ สระผม และหวีผม เป็นเรื่องที่ปกติหรือไม่?

    ธรรมชาติของคนเราจะมีเส้นผมบนหนังศีรษะโดยเฉลี่ยมากกว่า 100,000 เส้น โดยจะหมุนเวียนเป็นวัฏจักรตั้งแต่ผมงอกออกมาจนถึงระยะที่เส้นผมหมดอายุขัย ซึ่งในระหว่างวงจรที่กล่าวมานี้ จะมีเส้นที่เข้าสู่ระยะเสื่อมสภาพและหลุดร่วงทุกวัน ประมาณวันละ 100-150 เส้น ในคนปกตินั้นเส้นผมที่สูญเสียไปเหล่านี้ส่วนใหญ่จะงอกกลับมาใหม่ภายในระยะเวลา 3-4 เดือน ซึ่งกระบวนการที่พบนี้ เป็นเรื่องปกติและเกิดขึ้นในคนทั่วไป ไม่ถือเป็นอาการที่น่ากังวล
    อย่างไรก็ตาม หากคุณพบว่าความหนาของเส้นผมที่เคยมีบางลงอย่างเห็นได้ชัด หรือพบว่าเส้นผมที่หลุดร่วงมีจำนวนมากกว่า 200 เส้นต่อวัน ควรเข้ามาปรึกษาและตรวจอาการที่คลินิกรักษาผมบาง Bangkok Hair Clinic เพื่อให้ทราบสาเหตุที่แท้จริง และป้องกันไม่ให้ปัญหาผมร่วงทวีความรุนแรงจนทำให้คุณเกิดความรู้สึกไม่มั่นใจ

    เทคนิคการปลูกผมแบบ FUT กับ FUE ต่างกันอย่างไร?

    ทั้งเทคนิค FUT และ FUE คือกระบวนการปลูกผมที่เป็นการย้ายเซลล์รากผมจากบริเวณผมถาวรที่ด้านหลังของศีรษะ (Donor Area) มาเพื่อใช้ในการผ่าตัดปลูกผมในบริเวณที่เกิดปัญหา/ต้องการ (Recipient Area)
    Follicular Unit Transplantation (FUT) หรือ “Strip Surgery” เป็นกรรมวิธีการปลูกผมที่ถูกคิดค้นและใช้อย่างแพร่หลายมาเป็นระยะเวลายาวนาน ซึ่งเป็นการผ่าตัดนำผิวหนังส่วนหนึ่งของหนังศีรษะบริเวณ Donor Area ที่มีเส้นผมและรากที่แข็งแรงอยู่ออกมา และไปทำการแบ่งกอผมเพื่อนำไปปลูกถ่ายลงในบริเวณ Recipient Area ทำให้เส้นผมที่โตในบริเวณที่กังวลแข็งแรง ไม่อ่อนไหวต่อการหลุดร่วง จึงเป็นวิธีที่ให้ผลลัพธ์ที่เรียกได้ว่าถาวร เนื่องจากมีการผ่าตัดชิ้นผิวหนังออกจากศีรษะ เทคนิค FUT จึงต้องมีการเย็บผิวหนังที่อาจทำให้เกิดรอยแผลเป็นในแนวนอนขนาดเล็กได้ แต่แผลเป็นนี้ สามารถซ่อนด้วยผมที่ยาวออกมาได้ในอนาคต
    Follicular Unit Excision (FUE) เป็นวิธีการปลูกผมที่พัฒนามาใหม่และได้ใช้อย่างแพร่หลายในปัจจุบันเพราะได้ผลลัพธ์ดี รวดเร็ว และไม่ต้องมีการผ่าตัด กระบวนการทำ FUE จะคล้ายกับ FUT แต่เปลี่ยนขั้นตอนการเก็บกราฟเป็นการเจาะนำเซลล์รากผมที่แข็งแรงออกมาทีละเซลล์จากบริเวณ Donor Area จากนั้น ทีมแพทย์จะคัดเซลล์รากผมที่สมบูรณ์ไปปลูกยังบริเวณที่ต้องการ โดยแผลที่เกิดขึ้นจะมีขนาดเล็กเพียง 0.6 – 0.8 มม. หายสนิทในอาทิตย์แรก และไม่จำเป็นต้องเย็บแผล หลังจากการปลูก 3-6 เดือนผมด้านหลังศีรษะจะยาวออกมาปิดคลุมพื้นที่ให้เต็มเหมือนเดิม จึงเป็นขั้นตอนที่ผู้รับการรักษาส่วนมากเลือกใช้
    Bangkok Hair Clinic เชี่ยวชาญในการปลูกผม FUT และ FUE ที่พร้อมดูแลผู้เข้ารับการรักษาทุกขั้นตอนอย่างใกล้ชิด โดยแพทย์ผู้มีความชำนาญเฉพาะทาง ทั้งยังได้รับการรีวิวที่ยืนยันถึงความพึงพอใจจากผู้ที่เคยเข้ารับการบริการปลูกผมถาวรมาก่อน

    ปากกาย้ายรากผม (Implanter) และ Direct Hair Implantation (DHI) คืออะไร?

    ปากกาย้ายรากผม หรือ Implanter Pens เป็นเครื่องมือพิเศษที่ถูกออกแบบมาโดยเฉพาะสำหรับขั้นตอนการปลูกถ่ายรากผมใหม่ (Implantation) ซึ่งเป็นขั้นตอนสุดท้ายของการปลูกผมถาวร FUE และ FUT หลังจากนำกราฟเส้นผมออกมาเรียบร้อยแล้ว กราฟจะถูกสอดเข้าไปในปลายปากกาที่ดีไซน์มาเป็นพิเศษ และเคลื่อนย้ายลงปลูกในผิวหนังโดยตรง ซึ่งกระบวนการนี้ บางครั้งได้ถูกเรียกว่าการปลูกผมโดยตรง (DHI)
    การทำงานของ Implanter ช่วยเพิ่มอัตราการรอดของเซลล์รากผมได้มากขึ้นกว่า 10-15% เมื่อเทียบกับการปลูกผม FUE ทั่วไป เพราะเครื่องมือชนิดพิเศษนี้ลดการบอบช้ำของเซลล์รากผม (Mechanical Trauma) ที่เกิดขึ้นระหว่างการเคลื่อนย้าย หนีบ และปลูกโดยคีมหนีบทางการแพทย์ (Forceps) ที่ใช้ในการปลูกผมทั่วไป นอกจากนั้น ปากกา Implanter ยังเป็นเครื่องมือมีขนาดที่เล็กและถูกออกแบบมาสำหรับทำหน้าที่ปลูกกราฟรากผมโดยเฉพาะ จึงมีขนาดที่พอเหมาะ ไม่หลวม ไม่แน่นจนเกินไป รากผมที่ปลูกจึงสมบูรณ์ และปลูกได้ถี่แน่นหนา

    กรรมวิธีเพิ่มอัตราการรอดของเซลล์รากผม “First out, First in” คืออะไร?

    หนึ่งในปัจจัยสำคัญที่สุดในกระบวนการปลูกผมคือระยะเวลาที่ใช้ระหว่างการเคลื่อนย้ายเซลล์รากผมจากบริเวณหลังศีรษะ (Donor Area) ไปยังพื้นที่ๆต้องการ (Recipient Area) เพราะหากยิ่งลดเวลาในการปล่อยให้เซลล์รากผมอยู่นอกร่างกายลงได้มากเท่าใด อัตราการอยู่รอดของเซลล์รากผมยิ่งมากขึ้นเท่านั้น (Minimal out-of-body time)
    ที่ Bangkok Hair Clinic เรามีกรรมวิธีเฉพาะจากแพทย์เฉพาะทางที่ฝึกฝนมาโดยตรง โดยเราพัฒนาภาชนะสำหรับเรียงลำดับกราฟโดยเฉพาะ เพื่อให้มั่นใจได้ว่า กราฟรากผมที่ถูกนำออกจากหนังศีรษะก่อน จะถูกปลูกกลับลงก่อนเช่นกัน ดังนั้นระยะเวลาที่กราฟเหล่านั้นอยู่นอกร่างกายจึงสั้นมาก นอกจากนี้ เรายังใช้น้ำยาแช่กราฟชนิดพิเศษที่นำเข้าจากต่างประเทศ เพื่อให้กราฟอยู่ในสารน้ำที่คล้ายกับการอยู่ในร่างกาย กราฟเส้นผมจึงยังคงความสมบูรณ์ก่อนนำกลับไปปลูก คุณจึงมั่นใจได้ว่าการปลูกผมกับ Bangkok Hair Clinic จะมีประสิทธิภาพที่เหนือกว่าการปลูกผมที่อื่นอย่างแน่นอน

    การปลูกผมถาวรเทคนิค FUT, FUE, DHI เหมาะสำหรับทุกคนไหม ?

    ดยทั่วไปแล้วการเข้ารับการผ่าตัดปลูกผมถาวรด้วยเทคนิคดังกล่าว สามารถทำได้ในคนทั่วไปที่มีสุขภาพโดยรวมดี ในทุกช่วงวัย ไม่ว่าจะเป็นเพศชายหรือเพศหญิง แต่ผู้รับการรักษาควรเข้าใจว่าการปลูกผมถาวรไม่ได้เหมาะสำหรับทุกลักษณะผมบางหรือโรคเส้นผม แพทย์ของเราที่ Bangkok Hair Clinic จึงยินดีให้คำปรึกษา ตรวจสอบหนังศีรษะ วิเคราะห์ และวินิจฉัยปัญหาของคุณอย่างละเอียด โดยไม่คิดค่าใช้จ่าย เพื่อวางแนวทางการรักษาที่ถูกต้อง และให้ได้ผลลัพธ์ที่มีประสิทธิภาพกับคุณ
    โดยคุณสามารถเข้ามารับการปรึกษาฟรี รับการตรวจวินิจฉัยและรับข้อมูลที่จะช่วยทำให้คุณเข้าใจแนวทางการรักษา เพื่อให้มั่นใจก่อนที่จะตัดสินใจปลูกผมกับเรา

    ฉันสามารถออกแบบแนวผมของตัวเองได้หรือไม่?

    ที่ Bangkok Hair Clinic แพทย์และทีมงานทุกคนตั้งใจมอบผลการรักษาที่เหมาะสมให้ผู้รับการรักษาทุกท่าน ซึ่งศัลยแพทย์ของเรามีประสบการณ์การออกแบบแนวผมให้เหมาะกับอายุ เชื้อชาติ และเพศมานานกว่า 10 ปี นอกจากนี้ ยังมีความรู้ความเข้าใจในธรรมชาติของเส้นผม จึงให้ความสำคัญกับการรักษาที่ต้องคำนึงถึงหลายปัจจัย ควบคู่ไปกับการจัดวางแนวผมให้ไปในทิศทางเดียวกันกับแนวผมเก่า เพื่อให้เห็นความเปลี่ยนแปลงในทางที่ดีขึ้น

    การปลูกผมเจ็บไหม?

    หนึ่งในคำถามที่ถูกถามบ่อยมากที่สุด คำตอบคือเจ็บน้อยมาก เพราะเราได้คิดค้นเทคนิคการฉีดยาชาที่เบา รวดเร็ว และเจ็บน้อยในกระบวนการปลูกผม รวมถึงการทำงานอย่างระมัดระวัง เพื่อไม่ให้เกิดความบอบช้ำหรืออาการเจ็บปวดโดยไม่จำเป็นกับคนไข้
    เราต้องการให้ผู้รับการรักษาทุกคนรู้สึกผ่อนคลาย ไม่เครียด ไร้กังวล ตลอดช่วงเวลาก่อนและหลังการปลูก เพราะเราเชื่อว่าการรักษาผมร่วงสามารถเปลี่ยนชีวิตคุณได้โดยไม่จำเป็นต้องแลกมาด้วยความเจ็บปวดเสมอไป

    ผมที่ได้จากการปลูกจะมีความหนาขนาดไหน?

    Bangkok Hair Clinic ประเมินความหนาแน่นของผมอยู่ที่ 40-50 กราฟต่อตารางเซนติเมตร เนื่องจากเราใช้เทคนิค Micrograft ในทุกเคส
    ระหว่างการปรึกษา แพทย์จะประเมินบริเวณหลังศีรษะเพื่อคำนวณจำนวนเส้นผมที่สามารถนำไปปลูกได้ โดยไม่นำเซลล์รากผมออกเยอะเกินจนทำให้บริเวณหลังศีรษะบาง (Over harvesting) ในคนไข้ที่มีลักษณะผมบางเป็นบริเวณกว้าง หรือเส้นผมบริเวณท้ายทอยบาง (Donor depletion) แพทย์อาจประเมินการรักษาด้วยความแน่นหนาที่ต่ำลง เพื่อให้การรักษามีประสิทธิภาพและเหมาะสม

    เส้นผมที่ปลูกไปจะสามารถอยู่ได้นานแค่ไหน?

    เส้นผมที่ย้ายมาจากการปลูก จะยังคงเติบโตตามธรรมชาติเหมือนเส้นผมปกติ เนื่องจากเป็นการย้ายเซลล์รากผมจากบริเวณผมถาวร (Permanent Zone) จากด้านหลังและด้านข้างของศีรษะ ซึ่งผมบริเวณดังกล่าวนี้จะไม่ได้รับผลกระทบจากฮอร์โมนไดไฮโดรเทสโทสเตอโรน (DHT) ซึ่งเป็นสาเหตุของการผมร่วงตามกรรมพันธุ์เพศชายที่ทำให้ผมร่วงได้

    เราสามารถใช้เซลล์รากผมจากบุคคลอื่นในการรักษาได้หรือไม่ ?

    การรักษาสามารถทำได้โดยอาศัยเซลล์รากผมของตนเองเท่านั้น เนื่องจากกลไกการต่อต้านของร่างกาย จะมีการปฏิเสธเซลล์รากผมของบุคคลอื่น เช่นเดียวกับการปลูกถ่ายอวัยวะอื่น ๆ เช่น หัวใจ ไต อย่างไรก็ตาม คุณสามารถที่จะนำเซลล์จากบริเวณที่มีเส้นผมหรือขนจากส่วนอื่น ๆ ของร่างกายมาใช้ตามส่วนต่าง ๆ บนร่างกายได้

    การปลูกผมด้วยเทคนิค FUT, FUE, DHI ก่อให้เกิดแผลเป็นจากการผ่าตัดหรือไม่ ?

    หนึ่งในสิ่งที่สมาคมแพทย์ปลูกผมนานาชาติต้องการแจ้งให้ผู้สนใจเข้ารับการปลูกผมว่า “การปลูกผมไร้แผลเป็นนั้นไม่มีอยู่จริง” ไม่ว่าจะด้วยเทคนิคใดก็ตาม รอยแผลเป็นที่เกิดจากการผ่าตัดนั้น เป็นสิ่งที่หลีกเลี่ยงไม่ได้ แต่สามารถที่จะซ่อน หรือลดจำนวนได้ ดังนั้นที่ Bangkok Hair Clinic เราจึงใส่ใจและเข้าใจความรู้สึกของผู้รับการรักษาที่ต้องการให้มีแผลเป็นน้อย เราจึงพิถีพิถันและใช้เทคนิคที่ฝึกฝนมาอย่างชำนาญเพื่อช่วยคุณอำพรางรอยแผล ให้คุณรู้สึกมั่นใจและไม่ต้องกังวลเรื่องแผลที่เกิดขึ้น

    ฉันต้องเข้ารับการรักษากี่ครั้ง ใช้เวลานานเท่าไหร่ ?

    จำนวนครั้งของการรักษาขึ้นอยู่กับระดับความรุนแรงของอาการผมบาง ขนาดพื้นที่ที่กังวล ความหนาแน่นที่จะทำการปลูก และการพิจารณาของแพทย์ โดยปกติแล้วการผ่าตัดในหนึ่งรอบสามารถปลูกถ่ายเซลล์รากผมได้อย่างปลอดภัยอยู่ที่ประมาณ 2,500-3,500 ในแต่ละเคส แพทย์จะประเมินว่าต่อหนึ่งรอบจำนวนเซลล์ที่ย้ายไม่ควรเกินปริมาณใด เพื่อที่จะไม่ให้เกิดการบางของบริเวณหลังศีรษะ (Donor Area) ซึ่งหากพบว่าผู้ป่วยควรได้รับการปลูกถ่ายเซลล์รากผมเกินกว่าที่บริเวณท้ายทอยของผู้รับการรักษาจะมีพอ แพทย์จะแนะนำให้แบ่งการปลูกออกเป็นสองรอบ แต่ละรอบห่างกันอย่างน้อยหนึ่งปี เพื่อให้หนังศีรษะได้รับการฟื้นฟูอย่างเต็มที่และพร้อมสำหรับการปลูกรอบที่สอง โดยการรักษาครั้งหนึ่งใช้เวลาประมาณ 6-8 ชั่วโมง ขึ้นอยู่กับความยากง่ายของเคส

    การรักษาผมร่วงมีความเสี่ยงและอาการแทรกซ้อนใดบ้าง ?

    การปลูกผมด้วยเทคนิค FUT, FUE, DHI เป็นหัตถการที่มีความเสี่ยงในการเกิดภาวะแทรกซ้อนน้อยมาก โดยเฉพาะเมื่อเข้ารับการรักษากับแพทย์ที่มีประสบการณ์สูง อย่างไรก็ตาม ผู้รับการรักษาควรศึกษา ปรึกษา และรับข้อมูลเกี่ยวกับความเสี่ยงที่เกิดขึ้นได้จากการปลูกผมก่อนตัดสินใจรับบริการ
    อาการแทรกซ้อนที่เกิดขึ้นได้ในการศัลยกรรมปลูกผม ได้แก่

    • อาการบวมที่หน้าผากและบริเวณใบหน้า เป็นอาการที่พบได้บ่อยภายใน 24 ชั่วโมงหลังการผ่าตัด จนถึง 1 สัปดาห์หลังการผ่าตัด เกิดจากการฉีดสารน้ำเกลือเข้าสู่บริเวณที่ทำการเก็บกราฟหรือปลูกกราฟเพื่อให้แพทย์สามารถทำหัตถการได้ ซึ่งสารน้ำจะถูกดูดซึมกลับเข้าสู่ร่างกาย และลดอาการบวมจนหายไป ในช่วงสัปดาห์แรก เราจะมีผ้าคาดผมให้ใส่เพื่อไม่ให้สารน้ำไหลลงมาบริเวณตา
    • การแพ้ยาชา สารน้ำ หรือยาอื่น ๆ สามารถเกิดขึ้นได้ โดยทางคลินิกจะมีการสอบประวัติการแพ้โดยละเอียดเพื่อลดความเสี่ยงที่จะเกิดอาการแทรกซ้อนจากการใช้ยา ผู้รับบริการต้องแจ้งประวัติให้ครบถ้วน เพื่อความปลอดภัย
    • อาการชาในบริเวณหลังศีรษะหรือบริเวณที่ปลูก สามารถเกิดขึ้นได้จากช่วง 1 อาทิตย์แรกจนถึง 6 เดือนแรก ซึ่งโดยปกติแล้วอาการจะค่อย ๆ หายไปเองโดยไม่ต้องทำการรักษาใด ๆ
    • เนื่องจากการปลูกผมเป็นหัตถการที่ต้องเจาะผิวหนัง การติดเชื้อ (<1%) เลือดออก สามารถเกิดขึ้นได้หลังจากการปลูกผม ทางคลินิกแนะนำให้รับประทานยาอย่างเคร่งครัด และปฏิบัติตัวตามที่แพทย์แจ้งเพื่อป้องกันไม่ให้เกิดอาการเหล่านี้

    แพทย์เฉพาะทางของ Bangkok Hair Clinic ได้มีการจัดทำคู่มือคำแนะนำเกี่ยวกับวิธีการดูแลตัวเองก่อนและหลังการรักษาสำหรับผู้รับบริการทุกคน เพื่อให้สามารถเตรียมตัวและดูแลตนเองหลังการรักษาได้อย่างมั่นใจ

    FUE และ DHI แตกต่างกันอย่างไร?

    ความแตกต่างคือการเลือกใช้เครื่องมือในการปักรากผม (กราฟ) บนหนังศีรษะ ซึ่งเป็นกระบวนการหนึ่งในการปลูกผมด้วยวิธีการ FUE
    สำหรับการปลูกผมด้วยวิธีการ FUE แพทย์สามารถเลือกใช้คีมคีบ Forcep หรือ Implanters (DHI) ในกระบวนการปักรากผม ถึงแม้ว่าคีมคีบจะเป็นเครื่องมือที่ได้รับความนิยมมากสำหรับการปักรากผม แต่Implanters เป็นเครื่องมือที่ได้รับการพัฒนาเพื่อช่วยลดความบอบช้ำของรากผมระหว่างกระบวนการปักรากผม ทั้งนี้ มีการศึกษามากมายที่ยืนยันว่าการใช้เครื่องมือ Implanters สามารถเพิ่มอัตราการอยู่รอดของรากผม ลดระยะเวลาการผ่าตัด และทำให้ได้เส้นผมที่ดูหนาแน่นมากกว่า

    เส้นผมจะขึ้นเมื่อใดหลังการรักษา ?

    ภายใน 24 ชั่วโมงหลังจากการรักษา คนไข้จะเริ่มสังเกตเห็นการตกสะเก็ดของหนังศีรษะในบริเวณที่ปลูกผม ซึ่งเป็นกระบวนการรักษาแผลบนผิวหนังตามธรรมชาติของร่างกาย สะเก็ดเหล่านี้จะค่อย ๆ หลุดลอกไปในช่วง 4-14 วันหลังจากการปลูกผม รากผมที่ปลูกไปจะยึดติดแน่นบนหนังศีรษะในช่วง 2 สัปดาห์แรกหลังจากการปลูก จากนั้น เส้นผมจะเริ่มผลัดและหลุดร่วงในช่วงสัปดาห์ที่ 4 หลังจากการปลูก และเส้นผมใหม่จะค่อย ๆ งอกขึ้นตามลำดับในช่วงสัปดาห์ที่ 10-16 และเส้นผมที่ปลูกใหม่แต่ละเส้นนี้จะเจริญเติบโตตามวงจรชีวิตของเส้นผมต่อไป

    lineline messagemessage callcall